"ไทย-เขมร"ขับเลขานุการเอก นอกปท. "กษิต"โร่บินกลับไทยดูสถานการณ์ "มาร์ค"ปัดจุดปม ไม่ปั่นปชช.คลั่งชาติ "มาร์ค"ถกด่วน สมช.เต็มคณะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เต็มคณะ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่สำนักงาน สมช. เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ภายหลังรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธที่จะส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้รัฐบาลไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ชี้เสียงดังไม่ได้แปลว่าแข็ง ผู้สื่อข่าวถามกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุรัฐบาลไทยปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความคลั่งชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ใครไปปลุกล่ะ รัฐบาลไทยอยู่เฉยๆ ตั้งแต่แรกแล้ว" เมื่อถามว่า สมเด็จฯฮุน เซน มีความพยายามให้สัมภาษณ์และส่งสัญญาณในแง่เล่นเกมจิตวิทยาหลายๆ ครั้ง นายกฯพอจะรับมือและเท่าทันได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมไม่สนใจเรื่องเล่นเกมอะไร ผมมีหน้าที่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ที่จะปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ผมจะไม่เอาเรื่องตัวผมเองเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดถ้าทุกคนยึดผลประโยชน์ส่วนรวม ปัญหาก็ไม่เกิด ดังนั้น ผมจะเดินหน้ายึดประโยชน์ส่วนรวม ไม่เอาเรื่องตัวผมเข้าไปเกี่ยวข้อง" นพ.พฤติชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกฯ ได้มอบหมายในที่ประชุม สมช. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนการให้เงินกู้แก่กัมพูชาในโครงการก่อสร้างถนนหมายเลข 68 ช่องจอม จ.สุรินทร์-กัมพูชา มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังสอบถามถึงผลกระทบด้านการคลัง หากมีการใช้มาตรการตอบโต้กัมพูชา กระทรวงการคลังรายงานว่าในระยะสั้นยังไม่มี แต่ในระยะยาวอาจจะมี แต่ยังประเมินไม่ได้ว่ามากน้อยแค่ไหน พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังทหาร ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกระแสลมที่ผ่านไปผ่านมา ไม่มีอะไร ไม่น่าจะเกิดความรุนแรง กองทัพเองไม่ต้องเตรียมความพร้อมเพราะไม่มีอะไร นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการภายหลังจากฝ่ายกัมพูชาส่งจดหมายปฏิเสธที่จะส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนว่า การตอบจดหมายกลับมาโดยกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาไม่ได้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะกัมพูชาไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ที่ต้องนำคำร้องของไทยส่งไปยังอัยการสูงสุดและศาลของกัมพูชาก่อน เพื่อให้ฝ่ายตุลาการของกัมพูชาพิจารณาว่า จะต้องส่งตัวบุคคลดังกล่าวกลับไทยตามคำขอหรือไม่ 2 ประเทศต่างขับเลขานุการเอก ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังบานปลายออกไปเรื่อยๆ โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มระลอกสองก่อน ในวันเดียวกันนี้ ด้วยการประกาศขับนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ออกนอกประเทศ ในฐานะบุคคลไม่พึงปรารถนา (เพอร์ซันนา น็อน กราตา) ซึ่งถือเป็นบุคคลระดับ 3 ในประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ในขณะที่กระทรวงต่างประเทศไทยก็ตอบโต้ด้วยการขับเลขานุการเอก สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า มีการดำเนินการเช่นนั้นกับนักการทูตไทยที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญจริง ซึ่งเมื่อฝ่ายไทยได้รับทราบก็ได้ทำไปในวิธีเดียวกัน และเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกัมพูชาขับนักการทูตไทยออกนอกประเทศ จนไทยต้องตัดสินใจตอบโต้แบบเดียวกันนั้น นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปคที่ประเทศสิงคโปร์ ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยทันที ในช่วงดึกของวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยระบุว่า มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับเพื่อไปปรึกษานายกรัฐมนตรี ส่วนจะเดินทางกลับมาที่สิงคโปร์ เพื่อร่วมประชุมเอเปคอีกหรือไม่นั้น ต้องขึ้นกับนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาว่า จำเป็นต้องมีคนคอยอยู่ดูแลสถานการณ์หรือไม่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการเครือข่ายสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ เครือข่ายสมัชชาฯจะเดินขบวนไปที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 เพื่อยื่นหนังสือถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ขอให้ทบทวนมาตรการด้านความมั่นคงที่มีต่อกัมพูชา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไทยเน้นการเจรจาสันติวิธีทางการทูตเกินไป โดยไม่ให้ความสำคัญทางด้านความมั่นคง จึงไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาว่า หากไม่จำกัดขอบเขตความขัดแย้งจะบานปลาย หากปิดพรมแดนความเสียหายทางเศรษฐกิจจะมีสูง เพราะไทยลงทุนในกัมพูชามหาศาล ถือเป็นประเทศเดียวในรอบบ้านที่ไทยได้ดุลการค้า เพราะฉะนั้นไทยอาจทุบหม้อข้าวตนเอง
ภายหลังประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า วาระที่สำคัญคือ การประเมินสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การปฏิเสธไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติของสากลและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้น รัฐบาล โดยกระทรวงการต่างประเทศกำลังพิจารณามาตรการหลายอย่างเพิ่มเติม ทบทวนโครงการความร่วมมือโดยแนวทางต่างๆ ของรัฐบาลมีความชัดเจนว่าเป็นปัญหาสองฝ่ายที่ไม่กระทบกระเทือนกับประเทศอื่นๆ
"การดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดบนความเข้าใจที่ตรงกันจะประสบความสำเร็จ จะต้องขอความร่วมมือจากประชาชนคนไทยทุกคน ผมอยากเห็นความสามัคคี พร้อมกับที่คนไทยแสดงออกถึงความอดทนอดกลั้น มีวุฒิภาวะ ทั้งหมดเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝ่ายไทยเลย รัฐบาลและคนไทยจะเคารพกฎกติกาและมีความประสงค์ที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ จะใช้ไม้แข็งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ใช้รูปแบบตามสากล เราอย่าไปคิดเอาเองอะไรแข็งอะไรอ่อน ตะโกนเสียงดัง ก็ไม่ได้แปลว่าแข็ง พอทำอะไรเงียบๆ ทุกทีก็ได้ผลมากกว่า"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวจบ นายอภิสิทธิ์เรียก พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการกองทัพไทย และ ผบ.เหล่าทัพทุกคน มาสั่งความครู่หนึ่ง พร้อมยื่นเอกสาร 2 แผ่น ให้ พล.อ.ทรงกิตติ จากนั้นเรียกปลัดกระทรวงการต่างประเทศเข้าหารือในห้องรับรอง ต่อด้วยเรียก พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) หารืออีกราว 5 นาที ทั้งนี้ก่อนขึ้นรถกลับ
"บัวแก้ว"เสนอมาตรการตอบโต้
ด้านนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รวบรวมมาตรการต่างๆ เพื่อแสดงท่าทีตอบโต้กัมพูชา และรายงานให้นายกฯทราบแล้ว ขึ้นอยู่กับนายกฯว่าจะใช้มาตรการอะไร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะต้องรอดูท่าทีของทางการกัมพูชาก่อน
กองทัพยันไม่เพิ่มกำลังทหาร
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง กล่าวว่า ในที่ประชุม สมช.หน่วยงานด้านการข่าวได้สรุปสถานการณ์และขั้นตอนการปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนของทุกกองกำลัง รวมถึงประเมินการสับเปลี่ยนกำลังของฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายทหารย้ำว่าการทำหน้าที่รักษาชายแดน และรักษาความความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งกองทัพมีความพร้อมและได้ให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อให้นายกฯได้รับทราบว่าความสัมพันธ์ทางทหารในพื้นที่ของสองประเทศอยู่ในระดับที่ดี
ชี้เขมรทำผิดขั้นตอนเรื่องขอตัว
"หลังจากได้จดหมายตอบกลับมาอย่างนี้แล้ว สิ่งที่เราต้องดำเนินการคือ กรมสนธิสัญญาและกฎหมายและอัยการสูงสุดของไทย จะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร" นายพนิช กล่าว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทางการกัมพูชาได้ตอบโต้การที่ไทยสั่งทบทวนการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) รวมถึงระงับความช่วยเหลือที่ให้กับกัมพูชาหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณบรรยายพิเศษให้กับนักเศรษฐศาสตร์กัมพูชา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ด้วยการประกาศให้นายคำรบ เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา โดยขอให้เดินทางออกจากกัมพูชาภายใน 48 ชั่วโมง ขณะที่ทางการไทยก็ได้ตอบโต้ด้วยการขับนายเสง ลีนา นักการทูตกัมพูชา ประจำสถานเอกอัครราชทูตในไทย เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา และให้เดินทางออกจากประเทศไทยภายใน 48 ชั่วโมงเช่นกัน ทั้งนี้ การประกาศขับนักการทูตดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามข้อ 9 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ปี 2504 ที่ระบุว่า รัฐผู้รับสามารถดำเนินการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลแก่รัฐผู้ส่ง
"บัวแก้ว"ยันจำเป็นต้องตอบโต้
"เราไม่ได้ทำมากไปกว่าที่ฝ่ายกัมพูชาทำ เพราะเราไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน และไม่ได้ทำให้มันมากขึ้น เขาทำเท่าไหร่ เราทำเท่านั้น เพราะเป็นความจำเป็นที่เราต้องตอบโต้" น.ส.วิมล กล่าว
นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การที่กัมพูชาประกาศให้นายคำรบเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา โดยขอให้เดินทางออกจากกัมพูชาภายใน 48 ชั่วโมงนั้น ไม่ได้หมายความว่า เป็นการปิดสถานทูตไทยแต่อย่างใด เพราะสถานทูตไทยในกัมพูชายังมีเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ยังปฏิบัติงานอยู่ที่สถานทูต ในกรุงพนมเปญ อีก 4 คน ทั้งหมดเป็นผู้ชาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้เรียกเจ้าหน้าที่หญิงให้เดินทางกลับมาหลังมีการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับไทย อย่างไรก็ดี ยังคงมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยราชการอื่นๆ อาทิ ทูตทหารที่ยังคงทำงานอยู่ในกัมพูชาต่อไป
"กษิต"บินด่วนกลับจากสิงคโปร์
นายกษิตกล่าวว่า การไล่นักการทูตไทยกลับแสดงว่ากัมพูชายังเชื่อมั่นในตัวทักษิณ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย แต่คิดว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่รุนแรง เป็นแค่ออเดิฟ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่โอนอ่อนกับเรื่องนี้ แต่จะมีมาตรการใดๆ ออกมานั้นจะให้เวลากัมพูชาในการตั้งสติ และรัฐบาลไทยจะต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริง
สมัชชาฯยุปิด 3 ด่านเข้าบ่อน
นายไชยวัฒน์กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปิดด่านที่เป็นประตูสู่บ่อนการพนันของกัมพูชาใน 3 ด่าน คือ ด่านปอยเปต ด่านคลองลึก และด่านสุรินทร์ เพราะ 3 ด่านนี้เป็นประตูที่นำเงินกว่า 7,000 ล้านบาท ให้แก่สมเด็จฯ ฮุน เซน ขอเสนอรัฐบาลไทยสั่งกองทัพภาคที่ 1 และ 2 วางกำลังในชายแดนไทยกับกัมพูชาในจุดที่เหมาะสม และให้กองทัพอากาศนำเครื่องบินเอฟ 16 บินรอบแนวชายแดนวันละหนึ่งเที่ยวบิน สุดท้ายนำกองทัพเรือเคลื่อนประชิดเกาะกงในเขตทะเลไทย
นักวิชาการเตือนอย่ารักชาติเกิน
"ต้องจำกัดขอบเขตของชาตินิยมให้อยู่ที่ความรัก ไม่ใช่ความหลง ไม่อย่างนั้นประเทศจะเสียหาย และเมื่อรักชาติแล้วก็ต้องรักอย่างสร้างสรรค์ด้วย"นายชาญวิทย์ กล่าว
ส่วนที่ศาลากลาง จ.จันทบุรี กลุ่มผู้ค้าตามชายแดน ชาวสวนผลไม้ ประมาณ 800 คน ชุมนุมเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลปิดพรมแดนเพื่อตอบโต้กัมพูชา เพราะจะทำให้การค้าและการท่องเที่ยวเสียหาย โดยหลังมีข่าวจะปิดพรมแดน มีการชะลอสั่งสินค้าและผลไม้จากไทย หากปิดจริงก็จะทำให้ชาวสวนลำไยขาดแคลนแรงงานชาวกัมพูชาที่พร้อมเดินทางกลับประเทศ
ไทย-เขมรขับเลขานุการเอก นอกปท. กษิตโร่บินกลับไทยดูสถานการณ์ มาร์คปัดจุดปม ไม่ปั่นปชช.คลั่งชาติ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ไทย-เขมรขับเลขานุการเอก นอกปท. กษิตโร่บินกลับไทยดูสถานการณ์ มาร์คปัดจุดปม ไม่ปั่นปชช.คลั่งชาติ
สัมพันธ์"ไทย-เขมร"บานปลาย กัมพูชาขับเลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยกลับประเทศใน 48 ชั่วโมง "บัวแก้ว"ทำคืนทันควัน "มาร์ค"เรียกประชุมด่วนหน่วยงานมั่นคง ปัดปลุกปั่นประชาชนคลั่งชาติ นักวิชาการเตือนอย่ารักชาติเกิน