นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าววันนี้ (11 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาลกรณีการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
เป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศกัมพูชาว่า ไม่มีวิธีการพิเศษ เพราะแต่ละประเทศมีอธิปไตยของตัวเองไม่สามารถส่งกำลังเข้าไปบุกจับสิ่งที่ทำคือใช้วิธีการทูตระหว่างประเทศ ซึ่งได้ดำเนินการมาเป็นสากล คือ ทำหนังสือเป็นทางการยื่นต่อรัฐบาลกัมพูชา โดยชี้แจงว่าพ.ต.ท.ทักษิณคนหนีคดีอาญาที่ศาลไทยพิพากษาแล้วไม่ใช่คดีการเมือง และมีการตกลงกันระหว่างรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทยที่จะให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกัน ดังนั้น เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการตามข้อตกลงสนธิสัญญา
รองนายกฯ ด้านความมั่นคง กล่าวถึงคำถามกัมพูชาบอกชัดเจนไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้ไทยจะมีมาตรการอย่างไร ว่า
รอให้กัมพูชามีหนังสือตอบมาเป็นทางการมากกว่าจะไปพูดจาโต้ตอบกันไปมาทางสื่อ ความจริงมีขั้นตอนดำเนินการทางการทูตที่มีวิธีปฏิบัติระหว่างประเทศและเป็นขั้นตอนสากลอยู่แล้ว หากระหว่างสองประเทศมีข้อตกลงหรือมีสนธิสัญญากันแล้วประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ทำตามจะต้องดำเนินการอย่างไร จุดนี้ต้องให้ทางกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้อธิบาย ส่วนจะใช้เวลากี่วันไม่ทราบ กำลังให้เจ้าหน้าที่ติดตาม ซึ่งคิดว่าคนที่จะชี้แจงเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือสำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลกมพูชามีความจริงใจต่อรัฐบาลไทยน่าจะได้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า พูดไปตามเรื่องที่เกิดขึ้นดีกว่า
ได้ดำเนินการตามที่เรียนไปแล้ว ถามต่อว่า ระหว่างรอกันไปมา พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะย้ายไปประเทศอื่นก่อน นายสุเทพกล่าวว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น ต่อข้อถามกรณีสมเด็จฮุน เซนระบุเชิงท้าทายหากประเทศไทยต้องการปิดชายแดนให้ดำเนินการได้ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่นำอารมณ์ของนักการเมืองมาเป็นตัวตัดสิน ตนได้รับนโยบายจากนายกฯ ชัดเจนในเรื่องความมั่นคงว่า ให้ดูแลอธิปไตยของไทยไม่ให้มีการรุกล้ำ ปกป้องชีวิตทรัพย์สินของประชาชนคนไทยตลอดแนวชายแดน ดูแลให้ประชาชนคนไทยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
เทพเทือกยืนยันไม่ปิดด่านบีบเขมรส่งตัวทักษิณ
รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวอีกว่า ขอเรียนว่าประชาชนทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาบริเวณชายแดนมีความเป็นพี่น้อง เป็นญาติและไปมาหาสู่กัน
มีการติดต่อค้าขาย พึ่งพาซึ่งกันและกัน ดังนั้นจะไม่ไปทำให้วิถีชีวิตตามปกติได้รับการกระทบกระเทือนต้องแยกเรื่องของประชาชนกับรัฐบาลออกจากกัน สำหรับกรณีสม เด็จฮุนเซนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมและการเมืองของไทยจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้รับผลกระทบมากขึ้นหรือไม่นั้น ติดตามข่าวด้วยความเป็นห่วง และพยายามเรียนกับสมเด็จฮุนเซนไป 1-2 ครั้งว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกันดูแลถ้ามีอะไรสงสัยไม่เข้าใจควรถามกันก่อนแต่
เมื่อถามถึงกรณีที่ประชุมครม.ให้กระทรวงการต่างประเทศยุติการเดินหน้าเอ็มโอยูระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา
นายสุเทพ กล่าวว่า ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการเพื่อจะยกเลิกเอ็มโอยูที่ทำไว้กับรัฐบาลกัมพูชาในเรื่องผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนในทะเล แต่การดำเนินการต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งต้องเสนอให้สภาพิจารณา เมื่อถามว่าสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอข้อคิดเห็นอย่างไรในประเด็นดังกล่าว รองนายกฯ ด้านความมั่นคง กล่าวว่า สมช.ไม่ได้เสนอความเห็นใดๆ แต่เป็นความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำหรับความคืบหน้าการประสานงานตำรวจสากลเพื่อให้ติดตามนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทยมีความคืบหน้าอย่างไรนั้น ในความตกลงขององค์การตำรวจสากลมีข้อปฏิบัติอยู่ ซึ่งตนจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบ
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงและส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ความจริงคนไทยจะเดินทางไปไหนมาไหนเป็นสิทธิพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ดูไบสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็เดินทางไปหาเป็นประจำ