เชื่อปมไทย-เขมร ย้อนให้โทษแม้ว-ฮุนเซน

นักวิชาการแนะแก้ปัญหายึดประโยชน์ชาติเป็นหลัก อย่าถึงขั้นปิดประเทศ ติงรัฐบาล-นักการเมือง รักชาติให้มากกว่าตัวเอง

วันนี้(9 พ.ย.) นายศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.)

ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างไทย - กัมพูชา หลังจากสมเด็จฮุนเซน แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ว่า ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รัฐบาลต้องแยกให้ออกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความขัดแย้งระดับรัฐบาล ซึ่งประชาชนทั้งสองประเทศไม่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหารัฐบาลจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน ส่วนการตอบโต้ของรัฐบาลไทยที่เรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ รวมทั้งการเตรียมยกเลิกบันทึกข้อตกลงไทย - กัมพูชา (MOU) ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยไม่เห็นด้วยและเพื่อรักษาแผ่นดินเกิดของเราเอง แต่ก็อยากฝากไปยังรัฐบาลว่าการแก้ปัญหาดังกล่าว ไม่อยากให้ถึงขึ้นปิดประเทศ

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าสุดท้ายแล้วผลร้ายจะกลับไปยังผู้นำกัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี สังเกตได้จากผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักต่างๆ เกี่ยวกับการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยรักชาติ และไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะใช้ความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีปราสาทพระวิหาร  การเมืองภายในประเทศ รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่มีมูลค่ามหาศาล เหล่านั้นเป็นเหยื่อในการสร้างความขัดแย้งกับประเทศไทย  ดังนั้นเราจะต้องกลับมาทบทวนตัวเราเองว่าทำไมปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาถึงไม่จบสักที ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีจำนวนประชากร ขนาดพื้นที่ และความมั่นคงมากกว่ากัมพูชา ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาที่เป็นจุดอ่อนทั้งหมดโดยเฉพาะปัญหาพื้นที่ทับซ้อน อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาจะต้องยึดผลประโยชน์ของชาติ เนื่องจากที่ผ่านมาคนในรัฐบาลและนักการเมืองทุกวันนี้ส่วนใหญ่ขาดสำนึกในการรักชาติและแผ่นดินเกิด มองเพียงผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องจนมองข้ามความอยู่รอดของประเทศ” นายศรีศักร กล่าว.