มาร์คจี้แม้วทบทวนตัวเอง ข้องใจเรื่องรักชาติ อัดอย่าเอาปัญหาตัวเองมาสร้างเป็นปัญหาประเทศ

"อภิสิทธิ์" โต้"แม้ว"ขอให้ทบทวนบทบาทของตัวเอง ข้องใจมีปัญหาเรื่องรักชาติ บอกอย่าเอาปัญหาตัวเองมาสร้างให้เป็นปัญหาประเทศ คลังเตรียมทบทวนโครงการช่วยเขมรสร้างถนน

"มาร์ค"ถาม"แม้ว"เรื่องรักชาติ

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบโต้แถลงการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวหารัฐบาลไทยนำปัญหาการเมืองภายในกดดันประเทศกัมพูชา หลังเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศ เพื่อตอบโต้กรณีที่มีการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกฯกัมพูชาและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา

 เว็บไซต์สำนักข่าวไทย  รายงานว่า ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณออกแถลงการณ์กล่าวหารัฐบาลนำปัญหาการเมืองภายในไปกดดันประเทศเพื่อนบ้านว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคนไทย น่าจะรู้สึกบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ควรทบทวนบทบาทของตัวเองมากกว่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ยึดผลประโยชน์ของประเทศโดยส่วนรวม หรือไม่

 " อยากบอกว่า อย่าเอาปัญหาของตัวเองมาสร้างให้เป็นปัญหาของชาติ ต้องย้อนกลับไปว่า ต้นเหตุของปัญหามาจากไหน รัฐบาลต้องปกป้องประโยชน์ของชาติ และศักดิ์ศรีของคนไทย ทำไมจึงเป็นห่วงผลประโยชน์ของประเทศอื่นมากกว่าประเทศตัวเอง หรือว่าไปมีผลประโยชน์อะไร อย่าไปทำอะไรกระทบผลประโยชน์ของชาติ เรื่องก็จะไม่เกิด  ยืนยันไม่มีการไปปลุกกระแสอะไรทั้งนั้น หรือพ.ต.ท.ทักษิณ มีปัญหาเรื่องรักชาติ " นายอภิสิทธิ์กล่าว

ยัน"ไทย-เขมร"ไม่กระทบอาเซียน

 นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวรอยเตอร์ ในกรุงโตเกียว ยืนยันว่ายังไม่มีแผนที่จะปิดด่านชายแดนไทยกับกัมพูชา และว่าไม่ได้พบปะพูดคุยกับนายกฯกัมพูชาระหว่างการประชุมครั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปกัมพูชา จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าต้องยื่นคำร้องขอให้ส่งตัวให้ไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

 " เราไม่ยอมรับทัศนะที่ว่ากรณีนี้เป็นกรณีทางการเมือง เพราะในความเป็นจริงแล้ว กรณีนี้เป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยตรงอย่างตรงไปตรงมาของเรา " นายกฯกล่าว พร้อมกับย้ำว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบต่อการประชุมกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เพราะไทยตระหนักดีว่าเรื่องนี้ควรแก้ไขกันในระดับทวิภาคี และเราไม่ปล่อยให้สิ่งนี้กระทบต่ออาเซียน

นักวิชาการชี้เลิก"เอ็มโอยู"ได้

 นายสุรชัย ศิริไกร ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมยกเลิกบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ระหว่างไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2544 ซึ่งทำในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เอ็มโอยู สามารถบอกยกเลิกได้ ไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไร และฝ่ายเดียวก็บอกยกเลิกได้ แต่ขอให้เป็นการบอกล่วงหน้า  ถ้าบอกยกเลิกแล้ว อาจจะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะเคยมีบรรทัดฐานคำวินิจฉัยไว้ว่า เอ็มโอยูถือว่า เข้าเกณฑ์สนธิสัญญา

 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษก ปชป. แถลงว่า  การทบทวน เอ็มโอยู ระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน ที่ทำขึ้นในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถยกเลิกได้ โดยรัฐบาลไทยมีสิทธิตามอนุสัญญาของกรุงเวียนนาว่าด้วยสนธิสัญญาระหว่างประเทศใน ค.ศ.1969 ตามมาตรา 54-56 ได้ให้สิทธิการยกเลิกฝ่ายเดียวในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน ซึ่งกรณีนี้ประเทศคู่เจรจามีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนขณะที่การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ รัฐบาลไทยจึงมีสิทธิยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวได้

"อลงกรณ์"ให้"แม้ว"เปลี่ยนสัญชาติ

 นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมตัวแทนหอการค้าจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ไปดูสถานการณ์การค้าชายแดน ที่บริเวณตลาดโรงเกลือและด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีนายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ต้อนรับ

 นายอลงกรณ์กล่าวว่า สถานการณ์การค้าชายแดนยังปกติแม้จะมีความกังวลอยู่บ้าง และคงไม่มีการปิดด่าน แม้ระดับพันธกรณีต่างๆ ระหว่างประเทศลดลง เรื่องของการค้ายังเป็นปกติอยู่ ตอนนี้ก็เริ่มเห็นธาตุแท้แล้วว่า ใครรักชาติ หรือใครอยากเปลี่ยนสัญชาติก็บอกมา โดยเฉพาะพ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าอยากเปลี่ยนสัญชาติให้มันชัดเจนไปเลยว่ายืนอยู่กับผลประโยชน์ต่างชาติหรือผลประโยชน์ประเทศไทย ก็ให้แสดงความจำนงมา รวมทั้งคุณนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อย่าเห็นต่างชาติดีกว่าชาติไทย

 นายนพดล ปัทมะ กล่าวตอบโต้นายอลงกรณ์  ว่า ไม่คิดว่าสติปัญญาของนายอลงกรณ์จะเป็นเช่นนี้  ตนและพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่คิดที่จะเปลี่ยนสัญชาติ เรื่องนี้ได้มอบหมายให้ทีมทนายความยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทต่อนายอลงกรณ์ทั้งทางอาญาและแพ่งภายในสัปดาห์หน้า

"เทพไท"เหน็บ"พท."เป็น"เพื่อเขมร"

 ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตอนที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ให้สัมภาษณ์ถึงผลงานรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 1 เมื่อครั้งครบ 1 ปี โดยพล.อ.ชวลิตระบุชัดว่า ตนเองเป็นคนอยู่เบื้องหลังในการรวมชาติและสนับสนุนให้สมเด็จฯฮุน เซน ขึ้นมามีอำนาจในประเทศกัมพูชา ดังนั้นพล.อ.ชวลิต และพ.ต.ท.ทักษิณ เอาประเทศชาติเป็นเครื่องมือทำการเมืองในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทน

 นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย 12 ข้อที่สนับสนุนนายใหญ่นั้นถือเป็นการปกป้องและแก้ต่างให้กับประเทศกัมพูชา ดังนั้นพรรคเพื่อไทยยังใช้ชื่อพรรคเพื่อไทยอยู่ได้อย่างไร ควรเปลี่ยนเป็น " พรรคเพื่อเขมร " จะสอดคล้องกว่า รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยฉวยโอกาสปลุกความคลั่งชาติ แต่เกิดจากจิตสำนึกของคนไทยทุกคนเอง หากคนไทยมีความรู้สึกคลั่งชาติ ก็ยังดีกว่าคนไทยจำนวนหนึ่งที่มีความรู้สึกอยากขายชาติ 

 " มีคนฝากถามถึงว่ากลุ่มคนที่อต่อต้านรัฐบาล แต่ปกป้องประเทศกัมพูชาว่ายังร้องเพลงชาติไทยอยู่หรือเปล่า อยากแนะนำให้ไปร้องเพลงเจี๊ยดแขมร์(เพลงชาติเขมร) " นายเทพไท กล่าว

คลังเล็งทบทวนช่วยเขมรสร้างถนน

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ผ่านระบบเว็บ คอนเฟอเร้นซ์หรือ skype in จากสก็อตแลนด์ ว่า กระทรวงการคลังจะทบทวนการให้ความช่วยเหลือทางการเงินตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับรัฐบาลกัมพูชา หากโครงการใดดำเนินไปแล้วก็ให้มีความต่อเนื่อง แต่ส่วนที่ยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อรัฐบาลกัมพูชามี 3 โครงการ คือ โครงการสร้างถนนสาย  อลองเวย์-เสียมเรียบ วงเงิน 1,200  ล้านบาท  โครงการสร้างถนนสาย เกาะกง-สะแลอัมเปิล วงเงิน 867 ล้านบาท  ทั้งสองโครงการเบิกเงินกู้หมดแล้ว อยู่ระหว่างการชำระดอกเบี้ยปีละ 10 ล้านบาท  และจะเริ่มชำระคืนเงินต้นปีละ  60 ล้านบาทในอีก 8 ปีข้างหน้า ส่วนโครงการสร้างถนนสาย  ช่องจอม -โอเสม็ด วงเงิน 1,400 ล้านบาท เพิ่งลงนามในสัญญาไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้

 นายกรณ์กล่าวว่า ส่วนการอนุมัติงบประมาณจากกองทุนให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้านในการก่อสร้างถนนสายเสียมเรียบ-สุรินทร์ ยังไม่ได้เบิกจ่ายงบประมาณแต่อย่างใด ส่วนจะอนุมัติหรือไม่นั้นต้องรอดูความเหมาะสมในรายละเอียดที่ประเทศกัมพูชาจะเสนออีกครั้ง

 สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ  ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงต่างประเทศ  ยืนยันว่า นักเรียนทุนของกัมพูชาที่ได้รับทุนให้เปล่าของรัฐบาลไทยจำนวน 110 ทุน งบประมาณปีละ 30 ล้านบาท จะได้รับทุนจนศึกษาจบตามหลักสูตร แต่ทุนการศึกษาใหม่ๆ ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือทุกปีนี้นั้น อาจจะต้องชะลอการเจรจาร่วมกันไปก่อน