คมชัดลึก :"โฆษกภูมิใจไทย" อุ้ม "เนวิน-กลุ่ม 16" ไม่มีเอี่ยวยักยอกทรัพย์บีบีซี แถมโอ่ในไทยไม่มีใครรู้ข้อมูลดีเท่าตนเอง อ้างเคยเป็นกก.สอบเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา ย้ำปัญหาคดี "ราเกซ" มีผิดเพียงคนเดียว
(3พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวการดำเนินคดีนายราเกซ สักเสนา อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ หรือ บีบีซีที่มีการพาดพิงถึงกลุ่ม 16
โดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เข้าเกี่ยวข้องด้วย ว่า ขอยืนยันในฐานะที่เป็นอดีตผู้ได้รับมอบอำนาจดำเนินคดีธนาคารบีบีซีจากคณะกรรมการควบคุมธนาคารบีบีซีที่ตั้งขึ้นโดยกระทรวงการคลังเมื่อ 13 ปีก่อน ซึ่งการตรวจสอบในสมัยนั้นมีผู้เชี่ยวชาญร่วมตรวจสอบหลายคน ยืนยันว่ากลุ่ม 16 โดยเฉพาะนายเนวิน นายสุชาติ ตันเจริญ และนายสนธยา คุณปลื้ม ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์ของธนาคารบีบีซี ซึ่งจากการตรวจสอบพบผู้กระทำความผิด 3 กลุ่ม คือ พนักงานของบีบีซีโดยเน้นไปที่นายราเกซ กลุ่มลูกค้า และผู้ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธนาคาร และตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่พบความเชื่อมโยงกลุ่ม 16 แต่อย่างใด
นายศุภชัย กล่าวว่า การยักยอกทรัพย์ของธนาคารบีบีซีเป็นการกระทำผิดของนายราเกซในฐานะผู้บริหารที่อนุมัติสินเชื่อผิดกฎหมาย โดยในช่วงหนึ่งนายราเกซ นอกจากเป็นผู้บริหารยังเป็นที่ปรึกษาการลงทุนได้นำเงินไปลงทุนหลายกิจการ รวมทั้งมีการรูดบัตรเครดิตอนุมัติสินเชื่อให้กลับลูกค้าโดยนายราเกซลงนามอนุมัติเอง
เมื่อถามถึงกรณีการปล่อยเงินกู้หลายพันล้านบาทให้กับนักการเมืองกลุ่ม 16 นายศุภชัย กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจในการตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งหมดไม่มีใครในประเทศไทยรู้เรื่องนี้
และรู้พฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องดีเท่ากับตนในฐานะที่รวบรวมข้อมูลมาตั้งแต่ต้น ส่วนกรณีของนายเนวินนั้นยอมรับว่าเป็นลูกค้าของธนาคารบีบีซีแต่เป็นลูกค้ามาก่อนที่จะเกิดการยักยอกไม่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริต และ 13 ปีก่อนตนยังไม่ได้มาทำงานร่วมกับนายเนวิน ผลสรุปก็ออกมาชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนกรณีของนายสุชาติ ยอมรับว่าเป็นลูกค้าของบีบีซีจริง แต่เข้ามาก่อนที่นายราเกซจะเป็นที่ปรึกษาการลงทุนของธนาคาร โดยนายสุชาติได้กู้เงินไปทำธุรกิจค้าไม้ ที่เป็นหนี้ธรรมดาในทางแพ่ง และได้เข้าชำระหนี้และประนอมหนี้ไปแล้ว ไม่มีความผิดอาญา และไม่พบพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาเช่นเดียวกับนายสนธยา ที่เคยเป็นลูกหนี้มาก่อน
“ ไม่มีใครในประเทศไทยรู้ดีเท่ากับผม เพราะผมรวบรวมและสรุปมากับมือ เอกสารทุกชิ้นผมเป็นคนทำเอง จึงสรุปได้ว่าไม่มีนักการเมืองคนใดเข้ามาเกี่ยวข้องการทำผิดทางอาญา แต่ถือเป็นลูกหนี้ตามปกติ ดังนั้นผลสรุปเมื่อ 13 ปีก่อนเป็นอย่างไรวันนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม และเชื่อว่าไม่มีข้อมูลโยงใยเกี่ยวข้องไปถึงนักการเมือง ” นายศุภชัย กล่าว