คมชัดลึก : แวนคูเวอร์ - คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของแคนาดา เขียนบทความโจมตีนายราเกซอย่างรุนแรง ทั้งหลอกใช้ระบบศาลแคนาดาเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และใช้แคนาดาเป็นฐานวางแผนเพื่อก่อรัฐประหารในเซียร์ราลีโอน
นายเดวิด เบนเนส คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์แวนคูเวอร์ ซัน แสดงความเห็นผ่านทางบทความที่ชื่อ "ผู้ลี้ภัยสักเสนากลับสู่ไทย ยุติการพิจารณาคดีนาน 13 ปี" ว่า การเดินทางออกจากแคนาดาของนายราเกซ สักเสนา หลังศาลฎีกาแคนาดา ไม่รับคำร้องของนายราเกซที่ยื่นฎีกาคัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้น ซึ่งเห็นชอบให้ส่งตัวนายราเกซกลับประเทศไทย ถือเป็นความโล่งใจครั้งใหญ่ เพราะชายร่างเล็กคนนี้ เป็นอันตรายอย่างมาก
นายเบนเนส ระบุว่า นับเป็นเวลา 13 ปี 3 เดือนแล้ว ที่นายราเกซปอกลอกระบบยุติธรรมแคนาดา ที่ใจกว้างเกินเหตุ ใช้เงินของประชาชนผู้เสียภาษีไปหลายล้านดอลลาร์แคนาดา จากความพยายามทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้โดนเนรเทศกลับไปยังประเทศไทย
คอลัมนิสต์รายนี้ กล่าวหานายราเกซว่า ตอบแทนการต้อนรับขับสู้ของชาวแคนาดา ที่รวมถึง การอนุญาตให้โดนกักบริเวณในบ้านพักหรูหรา ซึ่งนายราเกซเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ด้วยการสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินท้องถิ่น ด้วยการส่งเสริมหุ้นที่ไร้ค่า ซึ่งซื้อขายอยู่ในตลาดโอทีซีของสหรัฐ
ข้อกล่าวหาของนายเบนเนส รวมถึงการระบุว่า นายราเกซสมคบคิดกับพวกฉ้อโกง และละเมิดกฎการค้าหลักทรัพย์จำนวนหนึ่ง เพื่อหลอกลวงนักลงทุน ทั้งในแคนาดา และต่างประเทศ และว่านายราเกซหลอกใช้ และละเมิดศาลแคนาดา เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
นายเบนเนส ยังเปรียบเปรยนายราเกซว่าเป็นเหมือนลูกแมงมุมทาแรนทูราที่มีพิษร้าย ที่ใครก็ตามเข้าไปอยู่ในทิศทางของนักการเงินรายนี้ ไม่ว่าจะเป็น โบรกเกอร์ ทนายความ หรือนักการเมือง จะต้องติดอยู่ในใยแมงมุมอันชั่วร้ายของเขา โดยเขาตกเป็นเป้าโดนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในหลายคดี
ขณะเดียวกัน นายราเกซเองก็เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในหลายคดีเช่นกัน โดยบันทึกจากศาล แสดงให้เห็นว่า มีชื่อของนายราเกซ ในฐานะจำเลย หรือโจทก์ ในคดีต่างๆ 36 คดี นับตั้งแต่ที่เขาเดินทางมาถึงเมืองแวนคูเวอร์ช่วงกลางทศวรรษ 90
นายราเกซยังโดนกล่าวหาว่าหลอกลวงตำรวจ และเจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มคนที่นายเบนเนส ระบุว่า เอาแต่นิ่งเฉย และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะเชื่อว่านายราเกซจะโดนเนรเทศในเร็ววัน
คอลัมนิสต์รายนี้ ยังกล่าวหาว่า นายราเกซสร้างความอับอายให้กับแคนาดาในเวทีโลก ด้วยการวางแผนก่อรัฐประหารขึ้นในเซียร์ราลีโอน ขณะโดนกักบริเวณในบ้านพักที่แคนาดา และมีตำรวจเฝ้าอยู่ ซึ่งเมื่อเรื่องนี้รั่วไหลมาถึงสื่อ จนเขาต้องล้มเลิกแผนดังกล่าวไป นายราเกซก็กล่าวหน้าตาเฉยกับสื่อ ว่า ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในการกักบริเวณ ที่ห้ามเขาวางแผนก่อรัฐประหารในต่างประเทศ
นายเบนนิส สรุปว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่สุดของนายราเกซ อยู่ที่การทำให้แคนาดาดูเหมือนคนโง่ ในขณะที่เขากำลังหยอกล้อเล่นกับระบบการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของแคนาดา การเคลื่อนไหวที่สื่อประเทศต่างๆ ไล่ตั้งแต่สหรัฐ ไปจนถึงอังกฤษ และไทย พากันรายงานข่าวอย่างเยาะเย้ยถึงวิธีการของแคนาดา ในการรับมือกับผู้ที่ลี้ภัยมาจากระบบยุติธรรมข้ามชาติ
คอลัมนิสต์รายนี้ เล่าด้วยว่า เคยมีโอกาสพบกับนายราเกซอยู่หลายครั้ง ขณะที่เขาโดนกักบริเวณในบ้านพักทั้งที่เมืองแวนคูเวอร์ และเมืองริชมอนด์ โดยส่วนตัวเขาแล้ว เห็นว่า นายราเกซเป็นคนที่ฉลาดมากที่สุดคนหนึ่งที่เขาเคยพบมา ทั้งยังมีความเป็นมิตรสูง และมักจะรับโทรศัพท์จากหนังสือพิมพ์แวนคูเวอร์ ซัน ตลอดเวลา แม้แต่ในช่วงเวลาที่เขายื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ก็ตาม ถือเป็นเรื่องไม่ยากนักที่จะชอบชายคนนี้
นายเบนนิส มองนายราเกซว่า เป็นบุคคลที่ทั้งดูจริงใจ และเต็มไปด้วยกลอุบาย ตัวอย่างเช่น เรื่องที่เขายอมรับว่าได้พบกับทหารรับจ้างชาวอังกฤษ ที่บ้านพักซึ่งเขาโดนกักบริเวณอยู่ และมอบเงินล่วงหน้าให้ 1 ล้านดอลลาร์ สำหรับแผนการทำรัฐประหารในเซียร์ราลีโอน ซึ่งเขาตั้งความหวังว่าจะทำให้เขาสามารถเข้าไปควบคุมแหล่งแร่อะลูมิเนียม ที่มีมูลค่าอย่างมากในประเทศนั้นได้
บุคลิกภาพที่น่าจดจำมากที่สุดของนายราเกซ คือ ความอดทน และความยืดหยุ่น ซึ่งนายเบนนิส ชี้ว่า มีคนไม่มากนักที่จะสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในที่คุมขังได้ แม้ว่าสถานที่นั้นจะหรูหราก็ตาม
ก่อนหน้าที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาออกมานั้น นายเบนนิส ระบุว่า เขาเริ่มจะคิดแล้วว่า นายราเกซจะสามารถถ่วงเวลาในการดำเนินกระบวนการยุติธรรมที่แคนาดาออกไปจนถึงหมดอายุความคดีในไทย ในปีหน้า หรือแม้กระทั่งเขาอาจได้รับสัญชาติแคนาดา หลังจากเรื่องทั้งหมดนี้จบลงแล้ว
ความจริงที่น่าหวาดกลัวอยู่ตรงที่ว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะเป็นการเปิดทางให้นายราเกซ สามารถรอดตัวไปพร้อมกับเงินที่เขาได้มาอย่างไม่ถูกต้อง และไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะมาขวางราเกซไว้ได้