กมธ.ยุติธรรมเรียก ตร.-สลค.-ยธ. แจงถอดยศ

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณีรัฐบาลเตรียมถอดยศ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีมติ เรียกตัวแทนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และ กระทรวงยุติธรรม มาชี้แจงในวันพุธที่ 4 พ.ย. ที่รัฐสภา เพื่อสอบถามถึงหลักเกณฑ์และขั้นตอน ในการถอดยศ และการริบคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพราะเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าว ทำอย่างรวบรัด เลือกปฏิบัติ

ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่ากรณียึดทรัพย์ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี จอมพลประภาส จารุเสถียร อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จนถึงกรณี พล.อ.สุรจิตต์ จารุเสรณี อดีตรัฐมตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่โดนคดียึดทรัพย์ คดีทุจริต จนเสียชีวิตคาเรือนจำ มาถึงพ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ ผู้พันตึ๋ง ที่ศาลฎีกาตัดสินประหารชีวิต จนกระทั่งถึง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ที่ศาลฎีกา เพิ่งตัดสิน ประหารชีวิต เหตุใดบุคคลเหล่านี้จึงไม่ถูกถอดยศ

นายประชากล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการฯ จะสอบถามถึงสาเหตุว่าทำไม รวมทั้งต้องการทราบถึงระเบียบกฏเกณฑ์ขั้นตอนต่างๆยืนยันว่าไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ต้องการทำเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน เผื่อในอนาคต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบันหรือ คนต่อๆไป อาจโดนกรณีเดียวกัน นอกจากนี้จะถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ มียศเป็นร้อยโท แต่กลับไม่ใช้ ชื่อยศเป็นคำนำหน้าด้วย เมื่อถามว่า เหตุใดจึงยกตัวอย่าง บุคคลที่เกิดขึ้น ก่อน ปี 2547 มาเทียบเคียง เพราะกฎหมายดังกล่าวเพิ่งบังคับใช้เมื่อ ปี 2547 นายประชากล่าวว่า ต้องดูว่าคำพิพากษาของศาลเกิดขึ้นเมื่อใด ส่วนตัวยังมองว่ากรณีการถอดยศ และริบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง และสงครามประชาชนแน่นอน เพราะคงไม่มีใครยอมใคร เหมือนเกลือก็ต้องจิ้มกับเกลือ และขอให้จับตาดูในช่วงเดือน พ.ย.ว่าจะเกิดอะไรขึ้น