ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่า จะทำหนังสือหรือเอกสารเปิดเผยผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯฮุน เซน ขอบอกว่าเก่งไม่กลัว กลัวช้า ขอให้รีบทำออกมาเลย เพราะที่ผ่านมา
แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะไปทำธุรกิจโทรทัศน์ในกัมพูชา ก็ไปในฐานะนักธุรกิจ ไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ไม่ได้ไปร่วมทุนกับครอบครัว หรือตัวสมเด็จฯฮุน เซน เอง
หากเปิดเผยข้อมูลที่เป็นเท็จออกมาจะฟ้องร้องทันที และอีก 1-2 วันจะไปทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลที่อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนในกัมพูชา หากมีข้อมูลเป็นเท็จก็ฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นกัน
"ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้สมเด็จฯฮุน เซน เลือกระหว่างประเทศไทยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นความเข้าใจผิดของ ปชป.และนายอภิสิทธิ์มาก เพราะนายอภิสิทธิ์เองไม่ใช่ประเทศไทย แต่เป็นเพียงโชเฟอร์ที่มาแทนโชเฟอร์ที่ถูกระบอบอำมาตย์ถีบออกไปจากการรัฐประหาร หากให้สมเด็จฯฮุน เซน เลือก ก็ต้องเลือกไทยอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความเลือกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จุดเริ่มต้นปัญหาคือ นายอภิสิทธิ์มีโอกาสเลือกระหว่างประเทศไทยกับนายกษิต ภิรมย์ แต่นายอภิสิทธิ์กลับเลือกนายกษิต ผู้เป็นปฏิปักษ์ทางความคิดกับประเทศเพื่อนบ้าน" นายนพดลกล่าว
นายนพดลกล่าวว่า ที่นายอภิสิทธิ์ไปใช้คำพูดว่า "เบี้ย" หรือ "เหยื่อ" กับสมเด็จฯฮุน เซน
ซึ่งการพูดเช่นนี้สถาบันทางการทูตชั้นนำของโลกไม่มีใครสอนกัน เพราะเป็นการทูตแบบชี้หน้าด่าเพื่อนไม่เป็นผลดีกับคนไทย รัฐบาลชุดนี้ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตกับเพื่อนบ้านดิ่งเหวลงไป