ผู้ต้องขังวัยโจ๋ ลุกฮือประท้วง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ก.ย. พ.ต.ต.ประเสริฐ นาคคง สวป.สภ.อ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช ถนนสายนพวงศ์-สนามบิน ต.นาทราย อ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่ากลุ่มผู้ต้องขังก่อหวอดประท้วงเตรียมก่อการจลาจล จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จ. นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.โชคดี ศรีเมือง สว.นปพ.นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษพร้อมอาวุธครบมือ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากโรงพักต่างๆรวม 150 นาย รุดไประงับเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังในคดีต่างๆ ที่เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี มีกำแพงคอนกรีตสูงเกือบ 5 เมตร กั้นแบ่งเขต 2 ชั้น ระหว่างกำแพงชั้นนอกกับกำแพงชั้นในเป็นสถานที่ทำงานของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ถัดจากอาคารที่ทำการของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไป จะเป็นกำแพงชั้นในกั้นเขตแดนควบคุมผู้ต้องขัง ซึ่งมีจำนวนเกือบ 400 คน โดยกลุ่มผู้ต้องขังได้ก่อหวอดประท้วงบุกยึดอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และกระจายกำลังเข้ายึดตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งทัณฑสถานฯ มีการนำโต๊ะเก้าอี้มากองสุมตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางเข้าสู่กำแพงชั้นในเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปสลายการชุมนุมประท้วง มีการส่งเสียงโห่ฮาป่าเป็นระยะๆ

นอกจากนี้ ยังได้ช่วยกันรื้อขาโต๊ะเก้าอี้ไม้นำมาทำเป็นอาวุธ นำเครื่องแบบและหมวกของเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานออกมาสวมใส่ พร้อมกันนี้ ยังได้นำผู้ต้องขังชายคนหนึ่ง ไม่สวมเสื้อนุ่งกางเกงขาสั้น เดินออกมา ตรงกลางลานโล่งใกล้กำแพงชั้นใน ใช้โทรโข่งของทางทัณฑสถานฯ ป่าวประกาศประจานถึงสภาพบาดแผลบนแผ่นหลังของผู้ต้องขังคนดังกล่าว เป็นแผลถูกเฆี่ยนตีจนเนื้อแตกยับ เรียกร้องให้ย้ายเจ้าหน้าที่รวม 4 คนโดยทันที คือนายสากล จูงศิริ รอง ผอ.ทัณฑสถานฯ นายถนอม มังสาทอง นายจำรัส มุกดา และนายบุญญฤทธิ์ พูลสวัสดิ์ 3 เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมผู้ต้องขัง พร้อมกันนี้ ยังจุดไฟเผาศาลาที่พักของผู้คุมเสียหายไป 1 หลัง

ด้านนายสากล จงศิริ รอง ผอ.ทัณฑสถานฯ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ที่กลุ่มผู้ต้องขังเรียกร้องให้มีคำสั่งย้ายด่วนเผยว่า นายชูพงศ์ พงษ์เพ็ญสวัสดิ์ ผอ.ทัณฑสถานฯ เดินทางไปราชการนอกพื้นที่ จึงให้ตนรักษาการแทน ตอนเช้าก่อนเกิดเหตุหลังเคารพธงชาติแล้ว ทางผู้คุมได้นำผู้ต้องขังจำนวน 492 คน เข้าไปกินอาหารเช้าในโรงเลี้ยงที่อยู่ด้านใน พอกินเสร็จแกนนำกลุ่มผู้ต้องขังประมาณ 20 คน ได้กรูกันเข้าไปในโรงครัว คว้ามีดและเครื่องครัวที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ ออกมาปลุกระดมผู้ต้องขังคนอื่นๆ ให้ร่วมก่อหวอดประท้วงด้วย ทางผู้คุมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถอยฉากออกมาและสั่งปิดประตูกำแพงชั้นในทันที โดยแกนนำเป็นผู้ต้องขังคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ชนวนเหตุจากการลงโทษกลุ่มผู้ต้องขังที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาเป็นข้ออ้างในการประท้วง ที่ผ่านมายอมรับว่าทางผู้คุมค่อนข้างเข้มงวดกับผู้ต้องขัง เพราะมีเรื่องทะเลาะกันบ่อย และยังแอบมั่วสุมเสพยา โดยลักกาวจากโรงฝึกอาชีพออกมาสูดดม ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุในวันนี้บางคนยังอยู่ในอาการเมากาวด้วย

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายวิชม ทองสงค์ ผวจ. นครศรีธรรมราช และนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางมาพบแกนนำกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1. ไม่ให้เอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อเหตุทั้งหมด 2. ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานทั้ง 4 คน และเพิ่มอีก 1 คน คือนายประมง ชนะสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้คุม รวมเป็น 5 คน และ 3. ให้ปรับปรุงเรื่องสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้ต้องขัง รวมทั้งพิจารณาย้ายผู้ต้องขังกลับไปเรือนจำหรือทัณฑสถานตามภูมิลำเนาเดิม โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความสะดวกแก่ญาติหรือครอบครัวที่จะมาเยี่ยม ซึ่งนายนัทธีได้รับปากกลุ่มผู้ ต้องขังทั้ง 3 ข้อ กลุ่มผู้ต้องขังจึงสลายการชุมนุมประท้วงและพากันเดินเรียงแถวกลับเข้าเรือนนอน เมื่อเวลา 17.20 น. รวมระยะเวลาก่อเหตุวุ่นวายกว่า 8 ชม. โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์และหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าไปเคลียร์สถานที่ ตรวจยึดอาวุธไม้และกระป๋องกาว ได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นายนัทธีกล่าวภายหลังสลายการชุมนุมประท้วงว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนรอง ผอ.ทัณฑสถานและผู้คุมรวม 5 คน ส่วนข้อเสนออื่นๆจะเร่งพิจารณาดำเนินการให้ในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ประท้วงยึดทัณฑสถานครั้งนี้ มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือนายธนากร ขาวเหมือน ผู้ต้องขัง วัย 23 ปี ถูกกลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อเหตุรุมทำร้ายใช้มีดฟัน ที่ศีรษะเพราะเข้าใจว่าเป็นสายคอยรายงานเหตุการณ์ให้ ฝ่ายผู้คุมทราบ ทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยนำส่ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช อาการสาหัส ส่วนเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานทั้ง 5 คน ที่ถูกเสนอชื่อให้ย้ายด่วนนั้น ต่างเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านพัก ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และมีกำหนดจะไปรายงานตัวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในวันที่ 15 ก.ย.นี้

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ