กกตใหม่ฟิต ขู่เชือดซื้อเสียง

จับตาดูว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเลื่อนวันเลือกตั้งหรือไม่ และจะเลื่อนออกไปนานแค่ไหนนั้น ล่าสุดว่าที่ประธาน กกต.ได้ออกมาพูดยอมรับว่าจะให้เลื่อนเลือกตั้งไปไม่เกินเดือน พ.ย.นี้ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ประเทศเสียหายมากกว่านี้

เมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) เวลา 13.45 น. ที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบด้วยนายสุเมธ อุปนิสากร นายประพันธ์ นัยโกวิท นายสมชัย จึงประเสริฐ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ และนางสดศรี สัตยธรรม เพื่อเลือกตำแหน่งประธาน กกต. ทั้งนี้ ก่อนการประชุมว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คน ได้เข้าพบ นายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภาด้วย จากนั้นเวลา 14.02 น. ว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คน ได้เข้าประชุมเพื่อเลือกกันเองเป็นประธาน กกต. โดยใช้เวลาในการประชุมเพียง 7 นาที ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าที่ประชุมได้เลือกประธาน กกต.เสร็จสิ้นแล้ว



จากนั้นนายอภิชาตได้เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า

ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกตนเป็นประธาน กกต. โดยขอให้สัญญาว่าจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้ไว้เมื่อวันที่ 25 เม.ย. เพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วและเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตนจะทำหน้าที่ให้สมกับที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาและวุฒิสภาเลือกให้มาทำหน้าที่ จะจัดการเลือกตั้งให้มีความสมบูรณ์ ให้ประเทศมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข

นายอภิชาตกล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนของ กกต.มี 4 ประการคือ

1. จะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน รับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการเลือกตั้ง

2. เน้นทำมากกว่าพูด ส่วนการให้ข่าวจะมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบทำหน้าที่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

3. ทั้ง 5 คน จะทำงานเป็นทีม ช่วยกันคิดช่วยกันทำ มีความอิสระทางการเมืองไม่ทำแบบเผด็จการ โดยเป้าหมายการทำงานจะถือเป็นวาระแห่งชาติ

4. เป็นวาระเร่งด่วนที่สุดคือการจัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ยึดถือคุณธรรมและจริยธรรม


สำหรับวาระการทำงานของ กกต.ชุดนี้มี 2 ปี

ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้ ประเทศพ้นวิกฤติ ทั้งนี้ กกต.เป็นองค์กรที่ใหญ่และมีคนมาก เจ้าหน้าที่ได้ส่งเอกสารมาให้ศึกษาแล้วว่าต้องแบ่งงานกันอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องการบริหารงานภายในองค์กรไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนต้องตั้งใจทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องล้างไพ่ กกต.จังหวัดหรือไม่ นายอภิชาตตอบว่า ไม่ต้องล้างไพ่ เพราะที่ผ่านมาหมดวาระไปหลายจังหวัดแล้ว สำหรับตำแหน่งเลขาธิการ กกต. เท่าที่ศึกษาจากข้อกฎหมายของ กกต. พบว่าไม่ต้องถึงกับต้องเปิดรับสมัคร แต่ต้องหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไร กกต.ทั้ง 5 คน อาจเสนอชื่อบุคคลที่อยู่ในใจเข้ามาก็ได้ โดยเลขา กกต.ต้องเป็นผู้ที่กล้าคิดกล้าทำ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้พิพากษา โดยเห็นด้วยที่จะดึงผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกอีก 5 คน มาช่วยกันทำงาน ส่วน 1 ใน 5 ใครจะได้เป็นเลขา กกต. หรือไม่คงต้องพิจารณาก่อน ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปออกรายการที่นี่สนามเป้าก่อนที่จะมีการเลือกตั้งจะผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิชาตตอบว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้ามีการร้องมาก็ต้องพิจารณา

นายอภิชาตกล่าวถึงการเลื่อนวันเลือกตั้งว่าต้องเลื่อนออกไปจากวันที่ 15 ต.ค. เห็นว่าวันที่เหมาะสมอาจจะเป็นวันที่ 19 พ.ย. หรือ 26 พ.ย. แต่ทั้ง 5 คนต้องหารือร่วมกันก่อนและต้องพิจารณาองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย เช่น ใกล้วันสำคัญหรือไม่ แต่หากการเลือกตั้งยิ่งช้าออกไปก็จะยิ่งเสียหาย นักลงทุนต่างชาติจะไม่มีความมั่นใจ หรือหากจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปข้ามปี ก็ยิ่งจะรู้สึกว่านานเกินไป เมื่อถามถึงแนวทางการแก้ปัญหาการซื้อเสียง


นายอภิชาตตอบว่า

เรื่องการซื้อเสียงในประเทศไทยเกิดมาจะ 60 ปีแล้ว คงเป็นสไตล์ของประเทศไทย ล่าสุดได้เดินทางไปภาคเหนือได้คุยกับชาวบ้านก็บอกว่ายังคงมีอยู่ เพราะฉะนั้นก็อย่าทำผิดกฎหมายให้จับได้ก็แล้วกัน เมื่อถามถึงปัญหาการโยกย้ายข้าราชการที่อยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการจะต้องเสนอผ่าน กกต.หรือไม่ นายอภิชาตตอบว่า ขณะนี้มีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ยังเป็นปัญหาเถียงกันอยู่ ต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เข้าทำหน้าที่โดยสมบูรณ์ก่อนจึงจะมาศึกษา เพราะอย่างข้าราชการตุลาการก็มีการบอกว่าไม่จำเป็นต้องผ่าน กกต. แต่ในช่วงรัฐบาลรักษาการก็ต้องนำมาพิจารณาว่าต้องทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการบล็อกโหวตเลือก กกต. เหมือนกันคือเบอร์ 3-5-6-8-9 นายอภิชาตตอบว่า ไม่ทราบ แต่พวกตนนิ่งที่สุด ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับใครตามนิสัยพวกเรา ถ้ามีการบล็อกโหวตจริงก็ต้องลงคะแนนเหมือนกัน 180 คน แต่ที่ตนติดตามจากข่าวเห็นมี ส.ว.แค่ 60 กว่าคนที่ลงคะแนนเหมือนกัน ทำให้เห็นว่าต่างมีอิสระในการตัดสินใจ เมื่อถามว่า จะพูดได้หรือไม่ว่า กกต.ชุดนี้เป็นชุดที่ดีที่สุด นายอภิชาตตอบว่า ไม่เคยพูดว่าดีที่สุด แต่เอาเป็นว่า กกต.ชุดนี้ดีเยี่ยม ทั้งความรู้ ความสามารถ ถือว่าเป็นจุดแข็ง ส่วนจุดอ่อนของ กกต.ชุดนี้คือ พูดไม่เก่ง แต่พูดด้วยความจริงใจและทุกคนตั้งใจทำดีมาตลอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ว่าที่ กกต.เลือกประธาน กกต.ได้ภายในระยะเวลาเพียง 7 นาทีนั้น เนื่องจากในระหว่างที่ 5 ว่าที่ กกต.กำลังเดินเข้าห้องประชุมเพื่อเลือกกันเองเป็นประธาน กกต. นายสุเมธ ได้เปรยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้หารือกับนายสมชัย และนายอภิชาต ว่าจะเสนอนายอภิชาตเป็นประธาน โดยนายอภิชาตยอมรับที่จะเป็นประธาน กกต.แล้ว เหลือเพียงนางสดศรี ที่ยังไม่ได้คุย แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำหรับบรรยากาศการเลือกประธาน กกต. คนใหม่เริ่มโดยนายสุเมธ อุปนิสากร ได้เสนอชื่อนายอภิชาตเป็นประธาน โดยที่ประชุมไม่มีใครขัดข้อง และใช้เวลาเพียง 7 นาทีคือ เริ่มประชุมเวลา 14.02 น. และเสร็จสิ้นเวลา 14.09 น. หลังจากนั้นนายอภิชาตได้เป็นตัวแทนแถลงข่าว ก่อนจะเข้าไปประชุมร่วมกันระหว่างว่าที่ 5 กกต. กับเจ้าหน้าที่จากสำนักเลขาธิการ กกต.

จากนั้นนายอภิชาตให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในวันจันทร์ที่ 18 ก.ย. ว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คน จะไปที่สำนักงาน กกต. เพื่อหารือร่วมกันอีกครั้ง พร้อมจะให้เจ้าหน้าที่ กกต. มาอธิบายเรื่องเอกสาร สรุปสำนวนต่างๆ เพิ่มเติม ส่วนงานรับรองผล ส.ก. ส.ข. และ ส.ว. 5 ว่าที่ กกต.จะทำได้เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว



ด้านนายสถาพร สันติบุตร รองเลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า

กกต.ชุดใหม่แบ่งหน้าที่ทำงานกันคือ นายอภิชาต รับผิดชอบงานด้านบริหารกลาง นายสุเมธรับผิดชอบงานด้านการมีส่วนร่วม นายประพันธ์รับผิดชอบการบริหารการเลือกตั้ง นายสมชัยรับผิดชอบเรื่องการสืบสวนสอบสวน และนางสดศรีรับผิดชอบเรื่องพรรคการเมือง โดยในการให้มติใบเหลืองใบแดงต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่เพื่อขอเป็นมติ กกต.ทั้ง 5 คน ซึ่งการทำงานลักษณะนี้จะเหมือนกับ กกต.ชุดที่มี ธีระศักดิ์ กรรณสูตร เป็นประธาน กกต.

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ