มาร์คยันไม่มีกำหนดคุยฮุนเซ็นอยู่แล้ว ก.ม.ม.อัดจิ๋วชักศึกเข้าบ้านอุ้ม ทักษิณ เป่าหูผู้นำเขมร

"มาร์ค"ยันไม่มีกำหนดคุย"ฮุนเซ็น"อยู่แล้ว ก.ม.ม.อัด"จิ๋ว"ชักศึกเข้าบ้านอุ้ม "ทักษิณ" เป่าหูผู้นำเขมร

"มาร์ค"ขอบคุณชาวหัวหิน-ชะอำยันไม่มีกำหนดคุย"ฮุนเซ็น"อยู่แล้ว

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 25 ตุลาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน จ.เพชรบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน พร้อมด้วยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ได้ร่วมกันแถลงกับสื่อมวลภายหลังพิธิปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา ครั้ง 15 อย่างเป็นทางการ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในฐานะประธานอาเซียนคิดว่าการทำงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าสร้างประชาคมต่อไป รวมถึงการขยายความร่วมมือในสามเสาหลักของอาเซียน โดยการประชุมครั้งนี้มีความคืบหน้าคือการตั้งคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนและ เริ่มดำเนินการของกรรมาธิการถาวร ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือปัญหาต่างๆในอนาคต ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน โดยปลายปีนี้ก็จะต้องกลับไปผลักดันให้ข้อริเริ่มเชียงใหม่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ด้วยการเริ่มวางแผนแม่บท และจะมีการเตรียมการตอบรับกับภัยพิบัติทางธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะการที่รัฐมนตรีว่าการกลาโหมอาเซียนมาประชุมร่วมกันเพื่อวางมาตรการรับมือกับภัยพิบัติดังกล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โอกาสนี้ผมขอขอบคุณประชาชนชาวชะอำหัวหิน ยอมรับว่าเวลาที่ผ่านมามีความลำบากเพราะผู้นำทั้ง 15 ชาติก็รู้สึกเกรงใจ แต่การเสียสละครั้งนี้ไม่ใช่แค่การทำเพื่อประโยชน์ของรัฐบาล แต่เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของชาติและของคนในภูมิภาค ที่สำคัญเมื่อการประชุมครั้งนี้สำเร็จลงได้ ได้สร้างความมั่นใจและความประทับใจให้บรรดาผู้นำอาเซียน

ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ไม่มีการประชุมทวิภาคระหว่างไทย-กัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเดิมไม่มีกำหนดการประชุมทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชามาตั้งแต่ต้น และประเด็นที่ประชุมกันตลอดสองวันนี้คือเรื่องความร่วมมือกันในภูมิภาค ตนเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับสมเด็จฮุน เซ็น มีนายกฯกัมพูชามาพูดกับตนแค่นิดเดียว คือบอกว่าจะสนับสนุนให้เดินหน้ากลไกตามข้อริเริ่มเชียงใหม่ เรื่องที่เป็นข่าวไม่อาจยกมาคุยในการประชุมครั้งนี้ได้ แต่สำหรับจุดยืนของตนก็ยังเหมือนกับที่เคยแถลงไปแล้ว

เมื่อถามว่า การประชุมครั้งนี้มุ่งประชาชนเป็นหลักแต่ยังมีข้อสงสัยว่าทำไมไม่อนุญาตให้ภาคประชาสังคมจาก 5 ประเทศเข้าพบผู้นำในวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีความร่วมมือใดในภูมิภาคใดที่ไม่มีปัญหาเลย สำหรับปีนี้ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎบัตรเป็นปีแรกด้วยจึงต้องมีปัญหาอยู่บ้าง สำหรับภาคประชาสังคมอาเซียนเองก็ไม่มีลักษณะเป็นองค์กรเช่นเดียวกับสมาชิกรัฐสภาอาเซียน (IPA) ตนจึงเสนอว่าหากจะมีการพบปะลักษณะเช่นนั้นอีก ควรจะมีเวลาเตรียมการก่อน และหวังว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขในอนาคต ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้สะท้อนถึงความไม่เข้าใจกันกับภาคประชาสังคมอาเซียน เพราะเรามีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันจริงๆ