คมชัดลึก :“จตุพร” ชี้ “เทพเทือก” แจงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเท็จสมัยเป็น รมว.คมนาคม หนี้หาย อัด “กรณ์” ถือหุ้นบริษัทบนเกาะเคย์แมน ลั่น รัฐบาลอยู่ไม่ถึง 1 ม.ค. 2553
(24ต.ค.) นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ มีข้อน่าสงสัยในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยจากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่ นายสุเทพ ยื่นก่อนเข้ารับตำแหน่ง รมว.คมนาคมเมื่อปี 2540 และหลังจากพ้นตำแหน่งในปี 2544 โดยก่อนเข้ารับตำแหน่ง ระบุว่ามีที่ดิน 53 แปลง มีราคาประเมินรวม 85 ล้านบาท แต่ตอนพ้นจากตำแหน่งกลับมีที่ดินเพิ่มเป็น 71 แปลงแต่ราคารวมกลับลดลงเหลือ 82 ล้านบาทเท่านั้น จึงน่าสงสัยว่า การแจ้งบัญชีครั้งนี้เป็นการชี้แจงโดยไม่สุจริตหรือไม่ เพราะปี 40 ที่อ้างว่าที่ดินมีมูลค่าสูงนั้น สภาพเศรษฐกิจแย่กว่าปี 2544 เสียอีกจึงเป็นการขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
นายจตุพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังแจ้งว่าตอนเข้ารับตำแหน่ง มีอาคารพาณิชย์ 10 คูหา รวมมูลค่า 35 ล้านบาท แต่ตอนพ้นจากตำแหน่งมีอาคารพาณิชย์เพิ่มเป็น 15 คูหา แต่มูลค่ากลับลดลงเหลือ 30 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้อธิบายว่าทำไมลดลง
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับหนี้สินที่นายสุเทพแจงในครั้งนั้น อ้างว่าเป็นหนี้ บริษัทเงินทุนศรีมิตร จำนวน 30 ล้านบาท เป็นหนี้กองทุนไอทีเอฟ 15 ล้านบาท และบริษัทนครหลวงเครดิตอีก 20 ล้านบาท แต่เมื่อพ้นจากตำแหน่งหนี้สินส่วนนี้ได้หายไป ทั้งนี้หนี้สินที่หายไปทั้งสามแห่งนั้น บริษัทได้ถูกระงับการดำเนินกิจการในปี 2540 และถูกโอนไปให้ ปรส.และมีบริษัท กองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล มาซื้อหนี้และเป็นเจ้าหนี้ ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวได้ถูกจดทะเบียนบนเกาะเคย์แมน และไม่มีใครรู้ว่าใครถือหุ้นอยู่ และในเวลาช่วงนั้นหนี้ของนายสุเทพหายไปโดยไม่มีใครทราบว่าใช้ความสามารถอะไรหนี้ถึงหายไป หากนับเงินเดือนรัฐมนตรีนายสุเทพมีเงินเดือนไม่ถึงสี่ล้าน แต่เอาเงินจากไหนไปใช้หนี้จำนวนมาก
นายจตุพร ยังได้กล่าวโจมตีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ว่า ตนเคยชี้แจงว่านายไกรสีห์ จาติกวณิช บิดาของนายกรณ์โดนพักราชการและให้ออกจากราชการ เนื่องจากหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งนายไกรสีห์ก็ฟ้องหมิ่นประมาทตน ต่อมานายกรณ์มาคุยกับตนว่า ขอให้แถลงข่าวว่าพ่อตนไม่ได้เป็นไปตามที่พูดแล้วจะได้จบกันไป แต่ตนไม่ยอม นายกรณ์ยังบอกอีกว่า พ่อของตัวเองพ้นมลทินและกลับไปเป็นอธิบดี หนึ่งวันแล้วจึงลาออก ส่วนนี้เป็นประวัติที่แต่งใหม่ ที่นี่เป็นความเท็จทั้งหมด แต่ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องตนแล้ว ต่อมาก็มีการยื่นอุทธรณ์ และนายไกรสีห์ได้เสียชีวิต แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมามีหมายศาลมาหาตนแจ้งว่า นายอภิไกร จาติกวณิช ขอรับเป็นมรดกความ ตระกูลนี้จะมาเล่นอะไรกับตน
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และนายกรณ์เคยอภิปรายเรื่องเกาะเคย์แมน แต่ก็มีข้อมูลว่านายกรณ์ก็ถือหุ้นในบริษัทเคย์แมนเช่นกัน และพี่ชายของนายกรณ์ก็เป็นที่ปรึกษาของบริษัทดังกล่าว ว่าแต่คนอื่น ตัวเองก็ทำเองทั้งสิ้น
“นายกรณ์ เป็นอดีตโบรกเกอร์ในตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่มีการปั่นหุ้นโดยปล่อยข่าวอัปมงคล แต่คนที่เป็นอดีตโบรกเกอร์ ยังไม่มีปัญญาจับใครได้ วันนี้คนไทยกลัวคนอยากสำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะการออกมาของ พล.อ.เปรม เกี่ยวกับรัฐบาล เราไปแจ้งความจับ พล.อ.เปรม ข้อหามีเสียงในการสนทนากับปลัดสำนักนายกฯ และเป็นถ้อยคำที่จาบจ้วง มีคนแจ้งความป๋า กล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่าทรยศ ปัญหาคือจะสั่งฟองพล.อ.เปรมหรือสั่งฟ้องคนที่ไปแจ้งความ" นายจตุพล กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ควรอยู่ถึงวันที่ 1 ม.ค. 2553 และถือเป็นหน้าที่ของคนเสื้อแดง จุดจบของรัฐบาลคือ วันที่ 31 ธ.ค. หากจบเดือน พ.ย.ได้ก็จบ หรือจบเดือน ธ.ค. ได้ก็จบ แต่ต้องไม่ถึง 1 ม.ค.