คมชัดลึก :ผู้ช่วย ผบ.ตร.เรียกประชุม พนักงานสอบสวนคดีพันธมิตรบุกสนามบิน เผยไม่ได้รับความร่วมมือนักธุรกิจเสียหาย ไม่ระบุเวลาแน่นอน ยันคดีนี้ไม่กดดัน ทำตามหน้าที่
ที่ห้องประชุม กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ตุลาคม พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนจาก บช.น. บช.ก. และภูธรภาค 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งหารือที่ประชุมเพื่อขอมติจากคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดในการรวมสำนวนทั้งสองคดีเข้าด้วยกันตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ลงนามโดย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สมยศ เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนชุดใหญ่เพื่อหารือถึงแนวทางการในการสอบสวน รวมทั้งซักซ้อมทำความเข้าใจกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการไปในแนวทางเดียวกัน และสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ยังไม่สมบูรณ์เพื่อจะให้คดีเดินหน้าต่อไป สำหรับสำนวนการสอบสวนทั้งสองคดีนั้นค่อนข้างสมบูรณ์แต่ก็ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในบางประเด็นที่จะต้องทำให้ครบถ้วน เช่น การหาพยานแวดล้อม โดยเฉพาะประชาชน และนักธุรกิจที่ได้รับผลกระทบยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเท่าที่ควร เช่น นักธุรกิจต่างๆที่อ้างว่าได้รับผลกระทบเสียหายหลายสิบล้านแต่เมื่อถึงเวลาต้องมาเป็นพยานกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือก็ขอให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบช่วยเข้ามาเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ถืออีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังต้องสอบสวนเพิ่มเติมในส่วนของเหตุการณ์แวดล้อมช่วงที่มีการชุมนุม เช่น คำปราศรัย หรือคำสัมภาษณ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการถอดคำพูดที่ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานและมีเป็นจำนวนมาก
“ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะต้องทำให้เสร็จเมื่อไร แต่ก็จะไม่ปล่อยให้ล่วงเลยเกินความเหมาะสม และยืนยันว่าในการทำสำนวนคดีนี้ไม่มีแรงกดดันแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา” ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวด้วยว่า สำหรับพนักงานสอบสวนในคดีนี้นั้นตนได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนจาก บช.ก. และบก.ป.เพิ่มเติมเข้าไป โดยมอบหมายให้เป็นแกนหลักในการสอบสวนรวบรวมหลักฐานคดีนี้ ทั้งนี้ในที่ประชุมตนยังได้ขอมติจากคณะพนักงานสอบสวนให้รวมสำนวนคดีกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิเข้าเป็นสำนวนเดียวกันตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้ลงนามไว้ก่อนหน้านี้ แต่ในการรวบรวมหลักฐานนั้นก็จะแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้รวดเร็วขึ้น และให้ครบถ้วนทุกประเด็น
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ พล.ต.ท.สมยศ เข้ามาทำหน้าที่ดูแลสำนวนการสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิต่อจาก พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.นั้น ทางคณะพนักงานสอบสวนต้องประสบกับปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องการรับสำนวนต่อจากคณะทำงานชุดเดิมที่ส่งสำนวนให้ล่าช้า และไม่ครบถ้วน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบสำนวนแล้วก็พบว่า มีการทำบัญชีของกลางไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องอาวุธต่างๆ เช่น ระเบิดปิงปองที่มีการระบุไว้ในสำนวนในจำนวนที่น้อยกว่าความเป็นจริงเมื่อครั้งตรวจสอบพบในบริเวณที่ชุมนุม ส่วนอาวุธอื่นๆนั้นก็มีบางรายการที่ไม่ปรากฏในสำนวน ทำให้คณะพนักงานสอบสวนต้องกลับมาเริ่มตรวจสอบ และรวบรวมหลักฐานในส่วนนี้ใหม่อีกครั้งเพื่อให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น