หมอสุชาติไม่ขอความเป็นธรรม
ชมรมแพทย์ชนบท กัดไม่ปล่อยแถลงยันมีโกงในสธ.จริง เผยงบกระจุกตัวจังหวัดนักการเมืองใหญ่ ขณะที่โครงการถนนปลอดฝุ่นส่อมีการฮั้วประมูลหลายจังหวัด ราคากลางใกล้เคียงราคาประมูลมาก
นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) ซึ่งถูก นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งย้ายไปช่วยราชการที่สำนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่ไม่โปร่งใสนั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นพ.สุชาติได้มาทำงานตามปกติพร้อมให้สัมภาษณ์ว่า คำสั่งโยกย้ายถือเป็นเรื่องปกติ และไม่คิดจะเรียกร้องความเป็นธรรมแต่อย่างใด ขอให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ปัญหาดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของ สธ.ที่เกิดขึ้น ยังมีอีกหลายประเด็นมากกว่าที่เป็นข่าวอยู่ ซึ่งได้ให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดเพิ่มเติมกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ตามที่มีข้อร้องเรียน 6 รายการ ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก รองปลัด สธ. เป็นประธานแล้ว
ด้าน นพ.เสรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า ได้ทำรายงานผลการตรวจสอบอย่างละเอียดส่งให้ปลัด สธ.พิจารณาแล้ว ยืนยันว่ามีข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบครบถ้วน ไม่มีการตัดตอนข้อมูลแต่อย่างใด รวมถึงข้อมูลที่ นพ.สุชาติได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมมาด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
"ยืนยันว่าผลตรวจสอบที่ได้ในครั้งนี้ จะไม่มีมวยล้มเหมือนอย่างที่หลายฝ่ายกังวลอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประเด็นที่พาดพิงถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมากกว่า 1 ราย แต่ไม่มีอำนาจที่จะเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนรับทราบ แต่หากคนที่ให้ข้อมูลอยากจะพูดหรือบอกใครต่อ สามารถทำได้ เป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละบุคคล" นพ.เสรีกล่าว
ตรวจรถฉุกเฉินไม่พบผิด
นพ.เสรีกล่าวว่า สำหรับผลตรวจสอบที่ไม่มีการชี้มูลว่ารถพยาบาลฉุกเฉิน มีความผิดปกติ เนื่องจากการตรวจสอบทั้งจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โรงพยาบาลชุมชน และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ พบว่ามีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง โดยจากการสอบถามไปยังโรงพยาบาลต่างๆ พบว่าไม่ได้มีการร้องขอให้ซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินแต่อย่างใด แต่ สธ.เป็นผู้จัดสรรให้ ซึ่งคณะกรรมการไม่ติดใจประเด็นนี้ เพราะเมื่อรวบรวมข้อมูลแล้ว พบว่าทุกโรงพยาบาลชุมชนมีความต้องการรถพยาบาลฉุกเฉิน โดยบางโรงพยาบาลไม่มีรถพยาบาลเลย หรือบางโรงพยาบาลก็มีอยู่แล้ว แต่สภาพเก่ามาก ส่วนประเด็นราคาแพง คือคันละ 1.7-1.8 ล้านบาทนั้น ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ประกอบในรถซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปตามความทันสมัยของเครื่องมือแพทย์ชิ้นนั้นๆ ซึ่งจากการสอบถามโรงพยาบาลที่เคยจัดซื้อรถพยาบาลพบว่ามีราคาตั้งแต่ 1.5-2.3 ล้านบาท ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะซื้อรถพยาบาลในราคา 1.6 ล้านบาท
"มารค์"ตั้ง"บรรลุ-ประทิน"สอบงาบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตอบรับของ นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม. ที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขว่า ใช่ และบ่ายวันที่ 16 ตุลาคม จะเสนอร่างองค์ประกอบของคณะกรรมการ น่าจะได้คุยกับ นพ.บรรลุด้วย แต่เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ได้คุยกับ นพ.บรรลุที่ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว บังเอิญในช่วงที่ตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยขอให้ นพ.บรรลุมาช่วยตรวจสอบเรื่องทุจริตยาและ นพ.บรรลุน่าจะทราบแนวคิดและแนวทางของตนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบและส่งรายงานให้นายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลักง่ายๆ คือ หากใครเกี่ยวข้องต้องดำเนินการ ส่วนตัวโครงการนั้นตนจะดูอีกครั้งว่า นพ.บรรลุจะทำด้วยหรือไม่ เพราะตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการทบทวนโครงการทั้งหมดอยู่แล้ว โครงการใดที่เห็นว่าราคาสูงเกินจริงก็ปรับราคา โครงการใดที่ไม่ควรดำเนินการ เช่น การจัดซื้อ ก็ยกเลิกและให้สอบสวนต่อว่าราคาสูงหรือสินค้าเข้ามาอยู่ในรายการได้อย่างไร
ให้"กก."รายงานโดยตรง
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าคณะกรรมการชุดนี้จะรายงานตรงกับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น นายกฯกล่าวว่า ใช่ ไม่ต้องรายงานผ่านกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นสิ่งที่ นพ.บรรลุขอไว้และตนเห็นด้วย เพราะคณะกรรมการชุดนี้ถือว่าเป็นคณะกรรมการของรัฐบาล ไม่ใช่คณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อถามว่า แสดงว่าอำนาจของคณะกรรมการชุดนี้จะมีมากในการตรวจสอบที่อาจจะขยายผลไปถึงฝ่ายการเมืองด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าน่าจะทำให้มีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น ย้ำว่าเรื่องนี้ใครที่เกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินการกระทั่งนักการเมืองก็ตาม ส่วนระยะเวลาการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้นั้น ตนจะขอหารือกับ นพ.บรรลุก่อน เพราะตนขอให้ นพ.บรรลุยกร่างฯการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
"หมอชนบท"ชี้มีโกงจริงในสธ.
วันเดียวกัน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท แถลงข่าวที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่าชมรมออกแถลงการณ์เรื่องกำหนดท่าทีต่อการตรวจสอบการทุจริตงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข (เอสพี 2) ว่า ตามที่ชมรมได้เคลื่อนไหวต่อกรณีการบริหารจัดการงบประมาณเอสพี 2 ว่า มีการทุจริตในโครงการนี้ โดยเฉพาะในส่วนของ สธ.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง ปรากฏชัดแล้วว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง และมีผู้เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของเป็นข้าราชการ และภาคการเมือง ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงเชิงลึก ประกอบด้วย นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัด สธ. และ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม.
หนุนทีมสอบ"หมอบรรลุ"
นพ.เกรียงศักดิ์แถลงว่า ชมรมเห็นว่าคณะกรรมการชุดที่จะตั้งขึ้นนี้ ประกอบด้วยบุคคลที่มีประวัติที่สังคมให้ความเชื่อถือ ศรัทธา ทุกๆ ภาคส่วนของสังคม ควรสนับสนุนคณะกรรมการชุดนี้ พร้อมทั้งชมรมจะขอปรับบทบาทในการเคลื่อนไหวโดยจะสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการอย่างเต็มที่ ในทุกด้าน
นพ.เกรียงศักดิ์แถลงอีกว่า หลังจากนี้ชมรมจะดำเนินการตามที่ สธ.มอบหมายในเรื่องวางแผนการใช้งบประมาณในส่วนของงบฯเอสพี 2 ให้มีความเสมอภาค คุณภาพ และประสิทธิภาพ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สธ.มีความจริงใจที่จะดำเนินการปรับเกลี่ยงบประมาณไทยเข้มแข็งให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและภารกิจของพื้นที่ และปรับเกลี่ยงบประมาณที่ส่อไปในทางทุจริตที่กำหนดราคาสูงเกินจริง ทั้งอาคารสิ่งก่อสร้าง และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี
"แพทย์ชนบทเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 ท่าน จะสืบสาวข้อมูลจนถึงที่สุดได้ ทำให้รู้ว่าใครมีส่วนในการร่วมบงการบ้างทั้งที่เป็นข้าราชการและนักการเมือง เพราะการสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก เป็นประธาน ยังไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง เช่น ใครเป็นคนล็อคสเปคเครื่องดมยาสลบ เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเหตุใดรถพยาบาลมีราคาเพิ่มขึ้นถึง 1 แสนบาท" นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว และว่า ในส่วนของรถพยาบาลที่คณะกรรมการ ชุด นพ.เสรี สรุปว่าราคาเพิ่มขึ้น 1 แสนบาท จาก 1.7 ล้านบาท เป็น 1.8 ล้านบาท เนื่องจากมีอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 2 รายการนั้น หากซื้อได้ในราคาดังกล่าวโดยมีอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 2 รายการจริง ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่จากการสอบถามบริษัทผู้ผลิต พบว่าถ้าเพิ่มอุปกรณ์ที่เป็นชนิดคุณภาพดี 2 รายการ จะไม่สามารถซื้อได้ในราคาที่เพิ่มขึ้นเพียง 1 แสนบาท เข้าใจว่าอุปกรณ์ 2 รายการที่เพิ่มขึ้น จะมีคุณภาพปานกลาง ที่มีราคาตัวละ 8 หมื่นบาทเท่านั้น
แฉงบฯกระจุกจว.นักการเมืองใหญ่
นพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า จากการรวบรวมงบประมาณภาพรวมที่แต่ละจังหวัดได้รับการจัดสรรจากโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.เบื้องต้น พบว่า จังหวัดที่มีส่วนเชื่อมโยงกับนักการเมืองได้รับการจัดสรรงบประมาณมากกว่าพื้นที่อื่น เช่น จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับการจัดสรรกว่า 3,000 ล้านบาท จ.นครราชสีมา ได้รับการจัดสรรเฉพาะงบฯก่อสร้างมากถึง 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี จ.นครศรีธรรมราช แพร่ และราชบุรี
"วันที่ 26 ตุลาคม จะเชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ทั่วประเทศ เข้าร่วมหารือเพื่อวางแผนในการจัดทำงบประมาณภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง โดยจะจัดทำกรอบมาตรฐานด้านครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างในส่วนของโรงพยาบาลชุมชนใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้รู้ข้อมูลทรัพยากรเดิมที่โรงพยาบาลมีและจำเป็นต้องขอเพิ่มเติม ภายใต้การให้ความรู้ความเข้าใจจากผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะนำเสนอ สธ.ในวันที่ 30 ตุลาคม วิธีการนี้จะทำให้โรงพยาบาลชุมชนที่เดิมได้รับการจัดสรรงบประมาณก้อนนี้เพียง 235 แห่ง เพิ่มจำนวนมากขึ้น"
ชี้ครุภัณฑ์แค่ชื่อต่างราคาพุ่ง
ด้าน นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงรายการครุภัณฑ์ที่สถานพยาบาลต่างๆ ส่งความต้องการกลับมายังส่วนกลาง ว่า พบสิ่งน่าสังเกตคือ มีการกำหนดชื่อครุภัณฑ์ที่มีลักษณะเดียวกัน ให้มีชื่อที่แตกต่างกัน 10-20 ชื่อ ทำให้ราคาแตกต่างกันมาก แต่สุดท้ายการใช้งานก็เหมือนกัน ทั้งนี้จำเป็นต้องมีการทบทวนและอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องดำเนินการดังกล่าว
"ตัวอย่างเมื่อเปรียบเทียบจากครุภัณฑ์ที่สถานพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ส่งกลับมายังส่วนกลาง พบว่า เครื่องเอ็กซเรย์ขนาดไม่น้อยกว่า 500 มิลลิแอมป์ แต่ระบุเพิ่มเติมชื่ออื่นอีก เช่น พร้อมอุปกรณ์, 150 กิโลโวลต์, ฟลูโลสโคป โดยราคามีตั้งแต่ 2-14 ล้านบาท หรือที่ชัดเจนสุดคือ เครื่องเอ็กซเรย์เต้านม ราคา 5 ล้านบาท แต่ในชื่อเครื่องเอ็กซเรย์แมมโมแกรม จะมีราคา 6 ล้านบาท ถ้าเป็นชื่อเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมระบบดิจิตอล จะมีราคาถึง 15 ล้านบาท และถ้าเป็นชื่อเครื่องเอ็กซเรย์เต้านมขนาดใหญ่ จะมีราคามากถึง 16 ล้านบาท เป็นต้น"
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องรายใดเพิ่ม เนื่องจากต้องดูรายละเอียดข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีข้าราชการรายใดที่เกี่ยวข้องอีก หากข้าราชการรายนั้น ทำให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการชุดใหม่เกิดความไม่คล่องตัว และเป็นอุปสรรค ก็สามารถพิจารณาคำสั่งย้ายเพิ่มได้
แฉประมูลถนนปลอดฝุ่นส่อฮั้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบโครงการถนนปลอดฝุ่นของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม ที่ได้งบประมาณจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก (เอสพี 1) วงเงินประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท จำนวน 901 เส้นทาง ทาง ทช.เปิดประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออคชั่น) ไปแล้วกว่า 90% แต่มีข้อสังเกตในส่วนของการประมูลว่าราคาที่ประมูลได้ เมื่อเปรียบเทียบกับราคากลางนั้น มีความใกล้เคียงกันมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า "ในหลายจังหวัด งบประมาณการก่อสร้างอยู่ที่หลักร้อยล้านบาท แต่ราคาที่ประมูลต่างจากราคากลางเพียงแค่หลักหมื่นบาทเท่านั้น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าอาจจะสมยอมหรือรู้กัน จะเข้าข่าย พ.ร.บ.ฮั้วหรือไม่นั้น ทางกระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นต้นสังกัด น่าจะเข้ามาตรวจสอบ แม้ว่าราคาที่ประมูลได้จะต่ำกว่าราคากลางก็ตาม"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบจากทางเว็บไซต์ของกรมทางหลวงชนบท พบว่าในส่วนของการประมูลในหลายจังหวัดราคากลางและราคาที่ประมูลได้มีความใกล้เคียงกันมาก เช่น จ.ชลบุรี ผลประกวดราคาถึงวันที่ 29 กันยายน มี 16 โครงการ ระยะทาง 63.912 กิโลเมตร (กม.) ราคากลางที่กำหนดไว้ 290.47 ล้านบาท ราคาที่ประมูลได้อยู่ที่ 290.33 ล้านบาท ต่างกัน 1.4 แสนบาท ที่ จ.เชียงใหม่ มี 21 โครงการ ระยะทาง 80.127 กม. ราคากลาง 278.54 ล้านบาท ราคาที่ประมูลได้ 277.90 ล้านบาท ต่างกัน 6.4 แสนบาท
"ทช."ไม่ห่วงฮั้วให้ดูคุณภาพงาน
ด้าน นายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ผลประกวดราคาถนนปลอดฝุ่น คงไม่สามารถตอบได้ว่าจะฮั้วกันหรือไม่ แต่ไม่ห่วง เพราะราคาที่ออกมาถือว่าถูกต้องเพราะต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ก็ถือว่าเป็นราคามาตรฐาน หากนำเสนอราคาที่เกินกว่าราคากลางกันทุกราย ตรงนี้ถือว่าน่าเป็นห่วง
นายวิชาญกล่าวว่า หากมองว่าการที่ผู้รับเหมาเสนอต่ำกว่าราคากลางไม่มากถือว่าเป็นเรื่องฮั้วกันนั้นก็ไม่ถูกต้อง เพราะจริงๆ แล้วต้องดูผลงานที่ออกมามากกว่าว่ามีคุณภาพหรือไม่ หากผู้รับเหมานำเสนอต่ำกว่าราคากลางค่อนข้างมากแล้วผลงานออกมาไม่ดี หรือทิ้งงาน รับผิดชอบงานไม่ได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ในโครงการถนนไร้ฝุ่น ดำเนินการรวม 901 โครงการและมีผู้รับเหมาที่ขึ้นทะเบียนกับ ทช.ไว้รวมประมาณ 732 ราย
"ราคาที่นำเสนอกัน เป็นสิทธิของผู้รับเหมา และเป็นไปตามกฎหมายเพราะห้ามไว้ว่าไม่ให้เกินราคากลาง หรือเสนอเท่ากับราคากลางเลยก็ได้ เพราะราคากลางที่กำหนดไว้สมเหตุสมผลทั้งในเรื่องของวัสดุก่อสร้างและแต่ละโครงการมีผู้เสนอราคาหลายรายบางโครงการมีมากถึง 10-20 ราย"นายวิชาญกล่าว
อาชีวะปฏิเสธล็อคสเปคจัดซื้อครุภัณฑ์สอศ.
นายสุนันท์ เทพศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการ กอศ. ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ทบทวนตลอดจนติดตามแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั้งระบบ โดยตนเป็นประธาน ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สั่งการ หลังจากที่ร้องเรียนว่าการจัดทำสเปคครุภัณฑ์เพื่อจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ไม่สอดคล้องกับความต้องการของวิทยาลัย ในสังกัด สอศ. เบื้องต้นพบว่าเป็นการกำหนดคุณลักษณะครุภัณฑ์ในลักษณะพิเศษ เนื่องจากของ สอศ.จะแตกต่างจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ต้องกำหนดเป็นคลัสเตอร์ตามกลุ่มสาขาวิชา ฉะนั้นจะส่งผลให้การจัดสรรงบประมาณแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาวิชาที่จัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน ขณะนี้ยังไม่พบว่าเข้าข่ายล็อคสเปค และว่าคาดว่าจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องทั้งหมดได้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน จากนั้นจะสรุปผลก่อนจะนำเสนอต่อเลขาธิการ กอศ. พิจารณา
หมอชนบท ปูดงบสธ.กระจุกตัวจว.นักการเมืองใหญ่ แฉพิรุธถนนปลอดฝุ่น ส่อฮั้วประมูลหลายจังหวัด
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง หมอชนบท ปูดงบสธ.กระจุกตัวจว.นักการเมืองใหญ่ แฉพิรุธถนนปลอดฝุ่น ส่อฮั้วประมูลหลายจังหวัด