นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
แถลงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) วันที่ 14 ตุลาคม เพื่อกำหนดมาตรการหลังประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯในพื้นที่เขตดุสิต ระหว่างวันที่ 15-25 ตุลาคม โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานการประชุม ว่าที่ประชุมเห็นชอบตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยศูนย์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นรองผู้อำนวยศูนย์ มีการตั้งวอร์รูมที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) มีการสนธิกำลังรม 18,000 นาย ในการควบคุมสถานการณ์ แบ่งเป็นทหาร 10,000 นาย ตำรวจ 6,000 นาย ที่เหลือเป็นกำลังพลเรือน
"นายกฯกำชับให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเกิดปัญหาการควบคุมสถานการณ์ใน กทม. จะส่งผลกระทบต่อการประชุมอาเซียนที่ชะอำ-หัวหินด้วย" นายปณิธานกล่าว และว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องมือที่สาม หรือจะมีเหตุระเบิดป่วนในช่วงการชุมนุม เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง 10,000 คนขึ้นไป
ด้าน พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง นอกจากทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และพระตำหนักแล้ว ยังรวมถึงบริเวณบ้านสี่เสาเทเวศร์
สถานที่ราชการต่างๆ ในเขตดุสิต โดยพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลที่จะมีการปิดถนน ได้แก่ ถนนลูกหลวง ถนนราชดำเนินนอก ฝั่งติดรั้วทำเนียบรัฐบาล ถนนนครปฐม ส่วนถนนพิษณุโลก จะเปิดให้มีการสัญจรได้ตามปกติ แต่จะตั้งด่านตรวจรถทุกคันที่เข้าพื้นที่ และมีการตั้งด่านตรวจหลักรอบทำเนียบรัฐบาล 8 จุด ด่านลอยและสายตรวจรอบนอกตามความเหมาะสม โดยก่อนวันที่ 17 ตุลาคม จะมีการตรวจวัตถุระเบิดรอบพื้นที่การชุมนุม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า มั่นใจว่า การบริหารจัดการ ศอ.รส.ใน 2 พื้นที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหา
โดยจุดหลักจะมีวอร์รูมที่ บก.ทบ. ซึ่งทั้งนายสุเทพและ พล.อ.ประวิตร ตลอดจน ผบ.เหล่าทัพพร้อมประชุมหารือและตัดสินใจได้ทุกเมื่อ แม้จะไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน เพราะมีเทคโนโลยีสื่อสารถึงกันได้ ซึ่งในวันที่ 17 ตุลาคม คาดว่าทั้งหมดจะมานั่งประชุมร่วมกันในวอร์รูมที่ บก.ทบ. เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่หลังจากนั้นอาจจะมีการแยกย้ายสลับการไปดูแลพื้นที่อื่นๆ บ้าง