เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 14 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินหน้าเปิดประมูลคลื่นความถี่ 3 จี ในเดือนพ.ย.นี้
ซึ่งยังมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ โดย บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ไม่มีประเด็นที่ต้องขัดแย้ง มีเพียงข้อสังเกตที่ครม.เศรษฐกิจให้กับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ไป ข้อแรกคือถ้าจะมีการประมูลกัน ก็อยากให้มีกติกาที่ชัดเจนก่อนการประมูลในเรื่องของผู้ประมูลกับเครือข่ายที่จะใช้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าใครจะมาลงทุนในเครือข่ายหรือไม่ลงทุนแล้วหรือไม่ลงทุน แล้วจะใช้เครือข่ายของใคร ซึ่งจุดดังกล่าวจะทำให้ทีโอทีและกสท.ทราบว่าจะมีปัญหาเรื่องทรัพย์สินที่เป็นของ ตัวเองแต่ถูกใช้โดยผู้ประกอบการโดยมีสัมปทานอยู่และมีโอกาสเข้ามาประมูลหรือ ไม่
นอกจากนี้ครม.เศรษฐกิจยังให้ข้อสังเกตในเรื่องการดูแลเรื่องการปฏิบัติตาม กฎหมายกิจการโทรคมนาคม ว่าผู้ประกอบการที่จะมาขออนุญาตได้ต้องเป็นนิติบุคคลไทย
ซึ่งขอให้มีการตรวจสอบอย่างชัดเจน ก็เป็นข้อสังเกตซึ่งผู้แทนที่มาฟังอยู่ด้วยบอกว่ากทช.คงทำความชัดเจนออกมา อีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นการตัดสินใจขององค์กรอิสระ สำหรับ โครงการของทีโอที และ กสท. ก็ขอให้สรุปมาว่าผลกระทบที่เกิดจากการประมูลเป็นอย่างไรบ้างครม.จะได้ พิจารณาได้
มาร์คกดดันกทช.จี้ประมูล3จีอย่างเป็นธรรมโปร่งใส
ต่อข้อถามที่ว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าในการดำเนินการจะทำให้ผู้ประกอบการมือถือรายเดิมที่ อยู่ในระบบได้เปรียบกว่ารายใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาใหญ่อยู่ที่เรื่องการใช้เครือข่ายและการใช้ทรัพย์สิน
ซึ่งได้ตั้งเป็นข้อสังเกตว่ากทช.ไปดูได้หรือไม่ว่าให้ทำกติกาเรื่องนี้ให้ชัดก่อนการประมูล ซึ่งอยู่ที่กทช.จะตัดสินใจ เมื่อถามว่า การเดินหน้าเรื่อง 3 จี ประเทศชาติจะได้ประโยชน์หรือเอกชนจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องการให้ประชาชนได้บริการที่ดีขึ้น แต่ค่าตอบแทนที่ให้กับรัฐในเรื่องใบอนุญาตก็ต้องเป็นธรรม แต่บริการจะดีได้กติกาการแข่งขันก็ต้องดี ซึ่งตรงนี้กทช.ดูแลอยู่ แต่มันมีความซับซ้อนขึ้นมาเนื่องจากบริษัทที่เข้าประมูลอาจเป็นบริษัทซึ่ง รับสัมปทานและประกอบกิจการอยู่ในปัจจุบันซึ่งไม่ใช่ 3 จี แล้วอาจมีการถ่ายโอนลุกค้า การมาใช้ทรัพย์สิน ซึ่งความจริงต้องถือว่าโอนให้รัฐวิสาหกิจไปแล้ว ตรงนี้ได้ให้ข้อสังเกตกับกทช.ไปหมดแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความจำเป็นของประเทศไทยที่จะนำระบบ 3 จีมาใช้ว่า เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะประเทศในภูมิภาคนี้ก็ใช้กันหมดแล้ว ของไทยก็ล่าช้ามา เราก็อยากให้บริการมันดีขึ้น แต่กติกาทุกอย่างต้องเป็นธรรมและโปร่งใส
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเดินหน้าเรื่องนี้ในขณะที่กรรมการกทช.มีเพียง 3 คน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
“เราไม่ไปก้าวล่วง แต่ในการประชุมครม.เศรษฐกิจ เลขาฯและของเลขาฯกทช.มาร่วมด้วย เราก็ให้ข้อสังเกตเพียงว่ามันจะพันกัน เพราะการที่หน่วยงานของรัฐกำลังตัดสินใจที่จะไปลงทุน ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องผลกระทบจากการดำเนินการเรื่องนี้จากการ เปิดประมูล ก็ทำให้รัฐบาลอยู่ในฐานะที่ลำบากในการที่จะเดินหน้าหรือตัดสินใจอะไร ก็อยากให้ทุกอย่างมีความชัดเจนโปร่งใส”
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเร่งเดินหน้าประมูลใบอนุญาต 3 จี ทั้งที่ยังติดชัดเรื่องกฎหมาย จะซ้ำรอยกรณีมาบตาพุตหรือไม่ว่า อยู่ที่กทช.ที่ต้องเป็นคนวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของตัวเองในเบื้องต้น
แล้วถ้ามีการโต้แย้งก็ต้องเป็นเรื่ององค์กรที่จะวินิจฉัยต่อไป เมื่อถามว่า บรรทัดสุดท้ายจะตกเป็นภาระของประชาชนผู้ใช้บริการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไดสอบถามเรื่องการกำหนดราคา ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าจะใช้เรื่องกลไกการอแข่งขันส่วนหนึ่ง นอกจากนี้กทช.ยังบอกว่าขณะนี้ไม่ได้ตั้งเรื่องการเสนอค่าตอบแทนที่สูงเป็น หลักในการพิจารณา กทช.ใช้คำว่าราคาที่เป็นธรรม