มาร์คคอนเฟิร์ม ลุยแก้รธน. ถกแกนนำชื่นมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 13 ต.ค.2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ได้นัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลตัวจริงมาหารือเพื่อสรุปแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลจากทุกพรรคมาเข้าร่วมการหารือ ประกอบด้วย นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) นายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้การหารือเป็นอย่างราบรื่น ไม่มีบรรยากาศความตรึงเครียดแต่อย่างใด ใช้เวลาหารือเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญกันเพียงสั้น ๆประมาณ 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นการพูดคุยในเรื่องทั่วไป

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวภายหลังการหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า

พรรคร่วมรัฐบาลเห็นเป็นไปในแนวทางเดียวกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ได้มีการตกลงกันในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย โดยให้เดินหน้าตามแนวทางคณะกรรมการสมานฉันท์ที่เสนอให้มีการแก้ไขใน 6 ประเด็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยคณะกรรมการร่างกฎหมายที่นายกฯได้เสนอให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งขึ้น เพื่อร่างเค้าโครงกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นจะได้สรุปเสนอต่อที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 22 ต.ค.นี้ เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนเรื่องของพรรคเพื่อไทยยังไม่รู้ว่า จะเอาอย่างไร แต่ทั้งหมดเป็นการร่วมกันทำ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องปรับ ครม.ไม่ได้มีการหารือกันแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานบายากาศการหารือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ทันทีที่เริ่มต้นประชุมนายบรรหาร ได้เป็นตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเกริ่นนำขึ้นมาก่อน

พวกเราอยากจะได้คุยกับนายกฯว่า จะเอาอย่างไรแน่กับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 6 ประเด็นที่เคยคุยกันไว้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้รีบกล่าวทันทีว่า ไม่มีปัญหาก็เอาตามที่เราได้คุยกันเอาไว้ คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญไปตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ และให้มีการทำประชามติสอบถามประชาชนทั้ง 6 ประเด็น อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง ถือว่าเป็นพรรคการเมืองหนึ่งในสภา ถ้าทุกคนเห็นพ้องต้องกันก็อยากจะให้เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญกัน อย่าไปปิดทางเขา เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ตนอยากจะให้ภาพออกมาเป็นเอกภาพ เป็นภาพที่ทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านหรือสมาชิกวุฒิสภา และหวังว่า การแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ก็จะนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์ได้ เราไม่ควรจะไปปิดกั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่อยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมกัน เราอย่าไปปฏิเสธพรรคใดพรรคหนึ่ง เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่บางทีก็มีคนเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็ต้องช่วยกันพูดจาทำความเข้าใจกันอย่างในพรรคประชาธิปัตย์เอง ตนเพิ่งมาจากที่ประชุมพรรคก็ยังต้องพูดจากัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้เมื่อแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเห็นท่าทีนายกฯที่ยืนยันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่างก็โล่งอก ไม่ต้องออกปากทวงสัญญาต่อแกนนำรัฐบาล
โดยนายบรรหาร ถึงกับกล่าวว่า ถ้าเห็นตรงกันอย่างนี้ก็ดี พอแล้ว จะได้ไปทำเรื่องอื่น ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเองตนก็ไปพูดคุยกับเขามาในระดับหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาอย่างไร ขณะที่นายสุวัจน์ ได้กล่าวเสริมว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรไปให้ความเห็นว่าแก้ไขแล้วใครจะได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะจะทำให้ประชานและสังคมทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการแก้ไขเพื่อนักการเมือง แต่ควรจะส่งสัญญาณว่าแก้ไขเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมอย่างไร เพื่อสังคมจะได้ตอบรับ และประชาชนเข้าใจ ถ้ายิ่งไปชี้จุด เช่นพูดเรื่องเขตเล็กเขตใหญ่ใครได้เปรียบใครเสียเปรียบ มันจะมีโรคแทรกได้ ดังนั้นควรจะส่งสัญญาณออกไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวสรุปว่า ถ้าสรุปตามนี้แก้รัฐธรรมนูญก็เดินหน้าไปตามขั้นตอนกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายนายกฯยังได้หยิบยกปัญหาเรื่องโครงการ 76 แห่งของภาคเอกชนในนิคมอุตสหากรรมมาบตาพุด จ.ระยอง

ที่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญมาตรา 67 มาหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ด้วย โดยนายกฯ กล่าวว่า ตนกังวลและหนักใจเรื่องมาบตาพุด ซึ่งมันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ตอนนี้ตนกำลังหาทางออกอยู่ โดยจะต้องเร่งแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวกับแกนนพรรคร่วมรัฐบาลด้วยท่าทีขอความร่วมมือในการช่วยกันดูแล ปัญหาการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง โดยพยายามเลี่ยงไม่ใช่คำว่าทุจริตตรง ๆ ด้วยว่า ตอนนี้โครงการไทยเข้มแข็งมันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของ ประเทศเป็นอย่างมาก ถ้าเราทำสำเร็จก็จะทำให้เศรษฐกิจและบ้านเมืองดีขึ้น แต่มันมีเรื่องไม่ค่อยดีออกมาเรื่อย ๆ ก็อยากฝากให้พวกเราช่วยกัน.