(8ต.ค.) -นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปาฐกถาพิเศษ “ปัญหาอธิปไตยดินแดนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา”
ที่สมัชชาประชาชนและสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมกันจัด วันที่ 8 ตุลาคม นายกษิต ชี้แจงปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ด้านปราสาทพระวิหาร หรือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยยืนยันว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ มีกรอบการเจรจาโดยยึดหลักสันติ และไม่ต้องการใช้ความรุนแรง หรือทางการทหาร เข้าไปแก้ไขปัญหาพร้อมยืนยันว่า เรายังไม่เสียดินแดนในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และวิธีการเจรจาเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด
“ที่ผ่านมาระดับผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ ตกลงกันแล้วว่าจะใช้สันติวิธี ฉะนั้นกลุ่มบุคคลที่ต้องการให้เกิดการทวงคืนด้วยวิธีรุนแรง เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะใช้ทหาร ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง ก็รู้ผลแล้วว่าเป็นดินแดนของใคร แต่ผลเสียที่จะตามมาจะส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้ง 2 ประเทศ”
นายกษิต กล่าวว่า ประเทศไทยต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรทะเลาะโดยไม่มีเหตุผล
ข่าวที่ออกมาบางครั้งเป็นเรื่องการปล่อยข่าว หรือเป็นเรื่องข่าวลือ เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองภายใน ที่ผ่านมาสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บอกว่า ถ้ารุกล้ำเข้าไปจะยิง ก็เป็นเรื่องการเมืองภายในของเขา ตนพบสมเด็จฮุน เซน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พูดคุยกันดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย
สำหรับการแก้ไขปัญหาตามชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีเรื่องของความลับใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้
ดังนั้น จึงขอให้วางใจรัฐบาลที่ตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหานี้ ขอว่าอย่าจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ ถ้าบอกว่าให้รบกันเลย ก็ขอให้ไปบอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศคนอื่น ที่ไม่ใช่ผมและจะขออนุมัติจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค. เพื่อจัดตั้งองค์กรกลางตัดสินข้อพิพาทระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน จะทำให้ประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา มีการเจรจาเพื่อหาทางออกได้"