"มาร์ค"ชี้ ก.ตร.ตั้งระดับ รอง ผบ.ตร.ได้ก่อน บอกอดีต ผบ.ตร.เคยแนะนำ ลั่นจะเสนอชื่อ ผบ.ตร.ใหม่ตามคนที่ตัวเองเสนอ เพราะเป็นอำนาจตามกฎหมาย ส่วน “นิพนธ์” ไขก๊อก จะชัดเจนในวันจันทร์ ขณะที่ โฆษกพรรคเพื่อไทย เตรียมเข้าร้อง ป.ป.ช.ให้สอบ “มาร์ค” เข้าข่ายผิดมาตรา 157 แต่งตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.โดยมิชอบ ในวันพุธนี้ ซึ่งโดยหลักปฏิบัติ เมื่อ ก.ต.ช.ไม่เห็นชอบ นายกรัฐมนตรี ควรต้องเสนอชื่อคนอื่นให้ ก.ต.ช.พิจารณาในครั้งที่ 2 และสามารถเรียกประชุม ก.ต.ช.เพื่อให้ความเห็นชอบ ผบ.ตร. คนใหม่ ได้ทันภายในกำหนดเวลา แต่กลับละเว้นไม่ทำ
ความคืบหน้าเกี่ยวกับตำแหน่งผู้บัญชา การตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐ มนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถึงการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ว่า ในวันที่ 5 ต.ค.นี้ จะมีความชัดเจน ตนทราบดีว่า พอมีข่าวเช่นนี้จะกระ ทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล แต่ยืนยันว่าตนบริหารจัดการได้และการแก้ไขปัญหาของประ ชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบ เวลานี้ทั้งปัญหาตู้ม้า ยาเสพติด ก็กำลังเดินหน้าแก้ไข รวมทั้งการดูแลความสงบเรียบร้อยต่าง ๆ ส่วนการประชุม ก.ตร. เพื่อพิจารณาโครงสร้างตำรวจ ในระดับรองลงไปที่อาจล่าช้านั้น ความจริงตนเคยสอบถาม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ท่านก็ยังแนะนำว่า ให้ตั้งระดับรอง ก่อนตั้ง ผบ.ตร.ดีกว่า เพราะ ผบ.ตร.คนใหม่ก็อยู่ในกระบวนการขั้นตอนที่จะทำตรงนี้อยู่แล้ว และความจริงถ้าทุกฝ่ายร่วมกันจัดโผจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
เมื่อถามว่าจะตั้งรักษาการ ผบ.ตร.ไปอีกนานแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งใจให้สั้นที่สุด เมื่อถามว่าจะอธิบายกับอย่างไร ว่าทำไมถึงยังตั้ง ผบ.ตร.ไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ ก.ต.ช. ยังไม่ให้ความเห็นชอบ เมื่อถามว่ายังคงยืนยันที่จะต้องเป็นคนที่นายกฯ เสนอใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็มันเป็นอำนาจของผมที่จะเสนอ เพราะหลักของกฎหมายที่เขียนไว้อย่างนี้ คือต้องการให้นายกฯ เสนอคนที่เห็นว่ามีความเหมาะสม และ ก.ต.ช.ให้ความเห็นชอบจริง ๆ ที่ผ่านมาที่ไม่ได้ให้ความเห็นชอบ ก็ไม่มีท่านใดบอกว่าไม่เหมาะ แต่อาจจะเป็นเหตุผลอื่นก็ต้องแก้ไขกันไป”
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 10.30 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ตนพร้อมทนายความ จะไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในความผิด มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็นรักษาราชการแทน ผบ.ตร.โดยมิชอบ เนื่องมาจากการ ประชุม ก.ต.ช.เพื่อเลือก ผบ.ตร.คนใหม่แทน พล.ต.อ.พัชรวาท ที่จะเกษียณอายุราชการ แต่ที่ประชุม ก.ต.ช.ไม่เห็นชอบกับรายชื่อ ผบ.ตร. ที่นายกรัฐมนตรีเสนอคือ พล.ต.อ. ปทีป ซึ่งโดยหลักปฏิบัติเมื่อ ก.ต.ช.ไม่เห็นชอบ นายกรัฐมนตรีควรต้องเสนอชื่อคนอื่น ให้ ก.ต.ช. พิจารณา แต่ปรากฏว่าในการ ประชุม ก.ต.ช. ครั้งที่ 2 นายกรัฐมนตรีกลับไม่เสนอชื่อบุคคลให้ ก.ต.ช.ให้ความเห็นชอบเป็น ผบ.ตร.ได้
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 72 (2) ระบุว่า เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ให้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย. 52 และอยู่ในวิสัยที่นายกรัฐมนตรี สามารถเรียกประชุม ก.ต.ช.เพื่อให้ความเห็นชอบ ผบ.ตร.คนใหม่ ได้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว แต่นายกรัฐมนตรีกลับละเว้นไม่เรียกประชุม เพราะประเมินแล้วว่า ถ้าเสนอคนที่ตนเองเคยเสนอไปแล้วจะไม่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ต.ช. แต่กลับเลือกวิธีการแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องเข้าประชุม ก.ต.ช.
“การกระทำดังกล่าวของ นายอภิสิทธิ์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการของ สตช.ที่ไม่อาจมี ผบ.ตร. มาเป็นผู้นำองค์กรของ สตช. ได้ตามกฎหมายและกรณีนี้ ยังเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมาย อีกทั้งยังทำให้เกิดความเสียหายแก่ รอง ผบ.ตร.คนอื่น ๆ ที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.อีกด้วย” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
ขณะที่ สวนดุสิตโพล ได้สอบถามความคิดเห็นคนกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่สนใจข่าวการลาออกจากตำแหน่งของ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี 1,296 คน พบว่า 40.42% เห็นว่ามีสาเหตุจากความขัดแย้งทางด้านความคิดที่ไม่ตรงกัน ระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับนายนิพนธ์ 25.53% เห็นว่าแสดงถึงความไม่พอใจในการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์และ 14.89% เห็นว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ขณะที่ 54.17% เชื่อว่าการลาออก แสดงถึงความแตกแยกแบ่งกลุ่มภายในพรรคประชาธิปัตย์ 37.50% ไม่แน่ใจ และ 56.86% เห็นว่าความเชื่อมั่นต่อพรรคประชาธิปัตย์ลดลง 39.21% คิดว่าเหมือนเดิม ขณะที่ 59.40% เห็นว่าความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลลดลง 36.63% เห็นว่าเหมือนเดิม และ 34.04% เห็นว่า นายกฯ ควรแก้ไขปัญหาในพรรคโดยเร็ว 27.66% เห็นว่า ควรแสดงความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา และมีการชี้แจงให้สมาชิกพรรคและประชาชนเข้าใจ.