เทพไทแขวะเป็นโซ่ข้อข้าง-เชื่อแดงเคลื่อนเป้าถกอาเซียน

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงที่รัฐสภาว่า ยินดีต้อนรับ พล.อ.ชวลิตอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากที่ชักเข้าชักออกอยู่หลายครั้งแล้ว ไม่แน่ใจว่ามาครั้งนี้จะมาได้กี่วัน จากโซ่ข้อกลางที่เสื่อมตอนนี้ก็มาเป็นโซ่ข้อข้างหรือข้างไหนก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าเมื่อ พล.อ.ชวลิตกลับเข้ามาก็ต้องเปิดใจกว้างและพร้อมที่จะยอมรับการตรวจสอบ การวิจารณ์จากนักการเมืองด้วยกัน และจากประชาชน และยินดีกับพรรคเพื่อไทยทั้งที่มีโอกาสได้คนที่เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงหลังจากปล่อยข่าวควานหามาเป็นเวลานาน ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ชวลิตมาเป็นหัวหน้าพรรคครั้งนี้จะมีอำนาจตัดสินใจมากน้อยแค่ไหน เพราะดูจากการเข้ามา บางคนบอกว่าเข้ามาเองโดยกลุ่มความหวังใหม่ไปทาบทาม บางคนก็บอกว่าต้องการความสมานฉันท์ บางคนก็บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณทาบทาม เป็นคนบงการ ไม่รู้ว่าการตัดสินใจของ พล.อ.ชวลิตครั้งนี้เกี่ยวกับเรื่องเบี้ยยังชีพของ พล.อ.ชวลิตหรือไม่ และถ้าจะเข้ามาสร้างความสมานฉันท์นั้นก็ควรไปสร้างใน พท.และกลุ่มคนเสื้อแดงให้ได้ก่อน เพราะคนเสื้อแดงกับ พท.แยกกันไม่ออก และต้องไปทำความเข้าใจกับกลุ่มแดงสยามแดงสยอง เรื่องแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต เรื่องล้มเจ้า ล้มทุน ล้มปืนให้ได้ก่อน

ส่วนกรณีที่สมาชิก พท.ระบุการรับ พล.อ.ชวลิตเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันแนวคิดสูตรตั้งรัฐบาล เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนั้น นายเทพไทกล่าวว่า เรื่องนี้ปฏิเสธไปเลย เพื่อจะได้ไม่ให้มีวิจารณ์อีกต่อไป

นายเทพไทยังแถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศเคลื่อนไหวในเดือนตุลาคม ให้เป็นแดงทั้งเดือนหรือ "แดงเดือด"

ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงต้องการล้มล้างรัฐบาลซึ่งไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย และการอ้างให้เดือนตุลาคมเป็นเดือนแดงเดือดก็อยากให้ประชาชนจับตามองว่าเดือนตุลาฯจะเป็น "แดงเดือด" หรือ "แดงเดด" กันแน่ และอยากถามแกนนำของคนเสื้อแดงว่าการหยิบฉวยโอกาสมาเคลื่อนไหวในเดือนตุลาคม โดยอ้างว่าเป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 การตายของนายนวมทอง ไพรวัลย์ อดีตโชเฟอร์แท็กซี่ ซึ่งเดือนนี้ยังมีความสำคัญต่อประเทศชาติ เพราะมีการประชุมอาเซียนซัมมิทที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดังนั้น การแอบอ้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อมาเคลื่อนไหว ย่อมส่งผลกระทบต่อการประชุมอาเซียนและความเชื่อมั่นของมิตรประเทศที่เข้าร่วมประชุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่อยากให้คนเสื้อแดงซ้ำเติมความบอบช้ำของประเทศชาติมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะนายกฯพยายามสร้างความเชื่อมั่นกับชาวโลก ซึ่งก็ได้ผลตอบรับอย่างดี