ทักษิณปรารภรอวันหมดเวร

"รัฐบาลคุยโอ่ผลงาน"


สุริยะใส สวนกลับรัฐบาลต้นเหตุสร้างเรื่อง ก่อกลุ่มผู้ชุมนุมทำร้ายชาวบ้าน ชวน หงุดหงิดรัฐบาลคุยโอ่ผลงาน กรีดไทยรักไทยอย่าทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉา ทุกรัฐบาลมีส่วนสำเร็จในโครงการต่างๆเหมือนกัน สังศิต นำเครือข่ายต้านระบอบทักษิณให้ กำลังใจ คุณหญิงจารุวรรณ ตรวจเข้มทุจริตโครงการรัฐบาล สิริชัย รุดพบ ป๋าเปรม รายงานข้อมูล 4 นายพลโวยโผโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ คาดแต่งตั้งนายทหารเสร็จสัปดาห์นี้

เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อเวลา 08.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ทั้งนี้ ก่อนที่ พ.ต.ท. ทักษิณจะเดินทางมาถึงตึกเลขาธิการ ครม. เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยประจำทำเนียบรัฐบาล ได้นำแถบไนลอนสีแดงมาขึงกั้นบริเวณบันไดทางขึ้นตึกเลขาธิการ ครม.ที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยให้สัมภาษณ์เป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินขึ้นตึกได้สะดวก และกันไม่ให้บรรดาผู้สื่อข่าวเข้าใกล้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนที่ได้มีการปฏิบัติระหว่างทางเดินตึกไทยคู่ฟ้า-ตึกสันติไมตรีไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบ และในชุดสากลรวม 10 กว่านาย คอยยืนอารักขาแต่ละจุดอย่างเข้มงวด พร้อมกับคอยเตือนผู้สื่อข่าว และช่างภาพไม่ให้ลํ้าเข้าไปในเขตที่กั้นไว้ตลอดเวลา

ทักษิณ เฉไฉแค่ยิ้มก็เป็นข่าว

ต่อมาเวลา 14.35 น. ภายหลังเสร็จสิ้นประชุม ครม.แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปยังที่ทำการพรรคไทยรักไทย ถนนเพชรบุรี เพื่อประชุมผู้บริหารพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยนายกฯส่วนล่วงหน้า ได้จัดให้ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพไปยืนรออยู่ที่หน้าลิฟต์ เมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณจะเดินเข้าลิฟต์ ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามถึงความคืบหน้าในการส่งร่างพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมสภารอบ 2 เพื่อให้วุฒิสภาพิจารณาคัดเลือกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 8-10 ก.ย. แต่ถามยังไม่จบ พ.ต.ท.ทักษิณก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที ระหว่างอยู่ในลิฟต์ก็พูดเสียงดังให้ผู้สื่อข่าวได้ยินว่า แค่ยิ้มก็เป็นข่าว จากนั้นก็ยืนทำท่าฉีกยิ้มอยู่ในลิฟต์ให้ช่างภาพรุมถ่ายภาพ ก่อนที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยนายกฯจะกดปิดประตูลิฟต์ทันที จี้ ครม.เร่งทำงานสยบการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ครม.วันวานนี้ มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้กับ ครม.ว่า การเมืองในช่วงนี้เราจะต้องพยายามระงับ การเมืองย่อมระงับด้วยการไม่การเมือง เรื่องการเมืองให้ไปอยู่ที่พรรค ถ้ามาอยู่แถวนี้ให้ทำงาน ไม่อย่างนั้นบางคนพอพูดอะไรออกไปแล้ว เดี๋ยวคนนั้นคนนี้ก็ชอบเอาไปเติมไปเสริมกันนิดกันหน่อย จะกลายเป็นเรื่องอีก


พูดเป็นนัยรอหมดเวรหมดกรรม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้กล่าวถึงพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งด้วยว่า ตอนนี้ พ.ร.ฎ. เลือกตั้งยังมีผลบังคับใช้อยู่ ดังนั้น ขอให้รัฐมนตรีระมัดระวังไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่นั้นเป็นหน้าที่ของ กกต. เมื่อมี กกต.ชุดใหม่เข้ามาแล้วก็ต้องมาหารือกับพรรคการเมือง และต้องหารือกับทางรัฐบาลด้วย ไม่ใช่ว่า กกต.จะเป็นฝ่ายกำหนดวันเลือกตั้งเพียงฝ่ายเดียว โดยจะต้องมีการกราบบังคมทูลฯยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งฉบับเก่า และทูลเกล้าฯฉบับใหม่ขึ้นไป ขอให้ทางเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาไปเตรียมยกร่างพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งฉบับใหม่เอาไว้ล่วงหน้าเลย เมื่อเลือกตั้งกันแล้ว บ้านเมืองจะได้กลับมาเข้าที่เข้าทาง ปัญหาต่างๆจะได้จบเสียที หลายคนจะได้หมดเวรหมดกรรมซะที รวมทั้งตัวผมด้วย

ทักษิณ ควงเมียถกแกนนำ ทรท.

วันเดียวกัน ที่พรรคไทยรักไทยมีการประชุมคณะผู้บริหารพรรคไทยรักไทย โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรค และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เข้าร่วมประชุมเพื่อมอบหมายงานด้านต่างๆให้กับแกนนำพรรคในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปต่างประเทศระหว่างวันที่ 9-14 ก.ย. โดยมีแกนนำพรรคทุกกลุ่มเข้าร่วมอย่างพร้อม เพรียง ขาดเพียงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ถูกจับตาจากกรณีข่าวเรื่องเว้นวรรคการเมือง ภายหลังประชุมนายสุธรรม แสงประทุม กรรมการบริหารพรรค เปิดเผยว่า พ.ต.ท. ทักษิณได้สั่งการกับแกนนำพรรคให้เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง โดยให้กองอำนวยการการเลือกตั้งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับคณะทำงานด้านต่างๆ ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ลงนามแต่งตั้งในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในอีกไม่นาน โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวกับแกนนำพรรคว่า การที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันกำหนดนโยบายและทิศทางของพรรค รวมถึงการที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อตั้งคณะทำงานถือเป็นเรื่องที่ดีและอยากให้สานงานต่อไป โดยแสดงความพอใจกับการที่ทุกฝ่ายช่วยกันคิดช่วยกันทำ พร้อมกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้สั่งให้คณะทำงานต่างๆสานต่อการนำเสนอนโยบายของพรรคในช่วงที่ พ.ต.ท. ทักษิณเดินทางไปต่างประเทศด้วย โดยจะนำเสนอผ่านสื่อทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เน้นนำเสนอในเรื่องที่สร้างสรรค์ ใส่เนื้อหาให้มากที่สุด และไม่ควรย่ำอยู่ในความขัดแย้ง

ระบุเว้นวรรคจะพูดเมื่อถึงเวลา

นายสุธรรมกล่าวว่า สำหรับสโลแกนที่จะใช้หาเสียงของพรรคไทยรักไทยจะอยู่บนพื้นฐานของการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังไม่มีการประเมินเขตพื้นที่เลือกตั้ง เนื่องจากเพิ่งจะมีคำสั่งแต่งตั้งให้รัฐมนตรีดูแลคนละ 10 เขต ดังนั้น รัฐมนตรีที่รับผิดชอบก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเขตเลือกตั้งกันเอง วันนี้พรรคได้คัดผู้สมัคร 400 เขต ครบแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นคนเดิม จะผลักดันให้แต่ละเขตมีกิจกรรมการเมืองเพื่อดำเนินไปสู่การเลือกตั้ง ส่วนผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อยังไม่มีการพูดถึง ผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุมมีการสอบถามถึงกรณีของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่มีข่าวว่าจะไม่ลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งสมัยหน้าด้วยหรือไม่ นายสุธรรมตอบว่า ไม่ได้มีการหารือถึงเรื่องดังกล่าว อีกทั้งนายสมคิดก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยเพราะอาจจะติดภารกิจ

ด้านนายวีระ มุสิกพงศ์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้พูดถึงกรณีเว้นวรรคว่าเมื่อถึงเวลาจะตัดสินใจเอง โดยยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และพรรคแน่นอน


ป้อง ทักษิณ ไม่ใช่ต้นตอวิกฤติ


วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ถึงกรณีที่ขณะนี้มีการพุ่งเป้าว่าปัญหาวิกฤติในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ รัฐบาลยึดหลักตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการใช้อำนาจรัฐและในฐานะที่เป็นตัวแทนประชาชน เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้น การเคลื่อนไหวต่างๆ ของทางรัฐบาลค่อนข้างสงบ ในขณะที่มีกลุ่มพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะการนัดไปชุมนุมในที่ต่างๆ มีการเคลื่อนไหวมาเป็นลำดับ เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาใครเป็นฝ่ายยั่วยุ เริ่มตั้งแต่การยั่วยุด้วยวาจา คิดว่าทุกฝ่ายควรต้องหยุด

ด่าพันธมิตรฯเดินสายยั่วยุรุนแรง

เมื่อถามว่า การที่กลุ่มพันธมิตรจะพยายามที่จะนัดชุมนุมปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ จะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้นหรือไม่ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าประชาชนคงเข้าใจกันแล้ว และคงพิสูจน์ ได้ว่า การไปสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นจากใคร ในฐานะรัฐบาลก็คงต้องดูแล ไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น และสร้างความสมานฉันท์ วันนี้ที่หลายคนไปบิดเบือนกล่าวหาว่าการที่รัฐบาลพูดถึงประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งอย่างเดียวนั้น ความจริงไม่ใช่ ประชาธิปไตย เป็นกระบวนการทั้งหมด แต่การเลือกตั้งถือเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทั้งหมด หากเราปล่อยให้มีความขัดแย้งไว้ ยิ่งมีการปลุกเร้าให้ความเกลียดชังกันก็จะยิ่งนำไปสู่ความรุนแรง การจะคลี่คลายความรุนแรงต้องใช้การเลือกตั้งเป็นเงื่อนไขสำคัญ หลังจากนั้นหากต้องการเปลี่ยนแปลงกระบวนการต่างๆตามรัฐธรรมนูญก็มีกระบวนการของมันอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลมีความขัดแย้งกับประธานองคมนตรีนั้น ก็เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนไปถามกันเอง ไม่ได้เกิดขึ้นจริง

ชี้เป็นสิทธิที่จะเชียร์หนุน สมคิด

น.พ.พรหมินทร์กล่าวถึงกรณีที่มีแกนนำพรรคไทยรักไทยบางคนออกมาสนับสนุนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคเว้นวรรคทางการเมือง ว่าทุกคนมีสิทธิ์สนับสนุนกันได้ แต่เชื่อว่าจะไม่ทำให้ประชาชนสับสน เพราะในกระบวนการประชาธิปไตยมีความแตกต่างเกิดขึ้นได้ และจุดนี้ก็เป็นข้อยืนยันอีกครั้งว่าความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์เขาทำกันอย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา ในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศที่เจริญแล้ว เวลาที่ส่งตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาก็มีการต่อสู้กันภายในพรรค แต่พอใครได้เป็นแล้วเขาก็ช่วยเหลือกัน ให้เกียรติกัน


เชื่อชาวบ้านแยกแยะข่าวสารได้


ทางด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อมวลชนของรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 3 องค์กรวิชาชีพสื่อ ออกแถลงการณ์ว่าเครือข่ายนัก การเมืองสร้างสื่อเทียมขึ้นมา เพื่อตอบสนองประโยชน์ ทางการเมืองของตัวเองว่า ขอสนับสนุนองค์กรวิชาชีพสื่อในการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปสื่ออย่างแท้จริง เพื่อความเป็นอิสระ ไม่ถูกองค์กรอื่นแทรกแซง อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีสิทธิ์จะทำสื่อได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานการนำเสนอข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้ เชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณในการแยกแยะว่าสื่อประเภทใดให้ข้อเท็จจริง หรือเป็นเชิงโฆษณาชวนเชื่อ ตนเรียกร้องมาตลอดว่า ไม่อยากเห็นการเผชิญหน้า ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ การนำเสนอความคิดเห็นต่างๆ อยากขอให้ทุกฝ่ายให้ความคิดเห็นบนพื้นฐานข้อเท็จจริง มีเหตุผล และระมัดระวังไม่ให้ความคิดเห็นไปกระแทกกระทั้น

อัดพันธมิตรฯ ยั่วยุให้ปะทะกัน

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำหนดพื้นที่ปราศรัยในเดือน ก.ย. ที่ กทม. เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ ว่า แม้กลุ่มพันธมิตรฯมีสิทธิไปทุกที่ในประเทศไทย แต่การเลือกสถานปราศรัยที่ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามยั่วยุให้มีการปะทะกัน เข้าลักษณะกรรมส่อเจตนา อยากฝากให้คิดถึงประชาชนมากกว่าการหวังผลทางการเมือง ฉะนั้น ควรทบทวนแผนการเดินทางครั้งนี้ แต่ถ้ายังดื้อดึงจะจัดปราศรัยจริงๆ ก็ควรประกาศไว้ล่วงหน้าด้วยว่าหากเกิดเหตุการณ์ อะไรขึ้นจะขอเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯจะผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.หรือไม่นั้น จะรอให้ กกต.ชุดใหม่เป็นผู้พิจารณาว่าสามารถดำเนินการเอาผิดได้หรือไม่ เรื่องนี้จะมีบรรทัดฐานอย่างไร เจตนาที่แท้จริงของกลุ่มพันธมิตรฯคือไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณได้รับการเลือกตั้งกลับมาก็จะประท้วงต่อไปอีก อยากถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯเป็นใคร มีอำนาจมีเสียงมากกว่าประชาชนทั่วไปอย่างนั้นหรือ

เปิดช่องหมอ-พยาบาลต้าน ทักษิณ

ด้านนายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์รวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมต่อต้านนายก รัฐมนตรี ว่า การเคลื่อนไหวเพื่อต้านนายกรัฐมนตรี โดยทางวินัยราชการนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะมีกฎหมายบังคับอยู่ ขอให้ระมัดระวังในการทำกิจกรรม อย่าให้ผิดวินัย อย่างไรก็ตาม การแสดงความคิดเห็นถือเป็นเสรีภาพที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตนไม่ได้ห้ามการเคลื่อนไหวของข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ตัวอย่าง เช่น น.พ.เกษม ตันติผลาชีวะ จิต แพทย์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ที่ออกมาพูดพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ตนก็สั่งยกเลิกการสอบสวนวินัย เพราะจากการพูดคุยกัน น.พ.เกษม ไม่ได้พูดในทางที่ไม่ดี เป็นเรื่องของการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการจิตเวชเท่านั้น


ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เปิดสภา


วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า นายรองพล เจริญพันธุ์ เลขาธิการ ครม.ได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2549 และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2549 ให้ ครม.รับทราบ โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ ให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา เพื่อให้วุฒิสภาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่อายุวุฒิสภาสิ้นสุดลงวันที่ 22 มี.ค. 2549 ดำเนินการประชุมเพื่อทำหน้าที่ตามมาตรา 168 ของรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.นี้ พร้อมกับให้ปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาในวันที่ 10 ก.ย. 2549 ทั้งนี้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

พันธมิตรสวนใครกันแน่ยั่วยุ

วันเดียวกัน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ออกมา ระบุว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรเป็นการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและให้ยุติการชุมนุมว่า น.พ.พรหมินทร์อย่าพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะการชุมนุมของพันธมิตร ที่ผ่านมาได้ยึดแนวทางสันติวิธีตามกรอบรัฐธรรมนูญ มีแต่ฝ่ายสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณที่พยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้า เช่น จัดตั้งม็อบมาป่วน มาล้อมเวทีของพันธมิตร หรือสั่งตำรวจกลั่นแกล้งตั้งข้อหาโดยไม่สมเหตุสมผล น.พ.พรหมินทร์มีบทเรียนและประสบการณ์ จากความรุนแรงในเหตุการณ์ 6 ตุลา แต่แปลกใจว่าทำไมไม่ห้ามปรามคนในรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้สื่อของรัฐและให้ลิ่วล้อสร้างสื่อเทียมขึ้นมา หรือจัดตั้งกองกำลังปกป้องผู้นำ ถอดแบบมาจากกลุ่มกระทิงแดงหรือกลุ่มนวพล ต่างกันก็ตรงที่ครั้งนี้ป่าเถื่อนถึงขั้นคนในรัฐบาลกำกับเอง รัฐมนตรีคนเดือนตุลาหลายๆคนกลับเยือกเย็นและเพิกเฉย ทำได้เพียงตวาดฝ่ายประชาชน ดังนั้น การเคลื่อนไหวของพันธมิตรจะยุติลงก็ต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกหรือยุติบทบาททางการเมือง สำหรับแผนการเปิดเวทีปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.บุรีรัมย์ อยู่ระหว่างการประสานงาน ไม่ได้มีเจตนาไปเผชิญหน้ากับกลุ่มไหน เพียงแต่ต้องการให้ข้อมูลและเปิดโปงความฉ้อฉลของระบอบทักษิณเท่านั้น

แห่ให้กำลังใจ จารุวรรณ

อีกเรื่อง วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. เครือข่ายประชาสังคมหยุดระบอบทักษิณ นำโดยนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ พร้อมด้วยนายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ และคณะกว่า 20 คน ได้นำดอกไม้ให้กำลังใจคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยนายสังศิตกล่าว ชื่นชมถึงความเป็นข้าราชการที่วางตัวเป็นกลางทางการเมือง และเป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการไทยในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันการทุจริตคอรัปชันอย่างตรงไปตรงมา เครือข่ายประชาสังคมฯจึงร่วมกันมาให้กำลังใจกับคุณหญิงจารุวรรณ และข้าราชการใน สตง.ทุกคนที่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิและการที่กรมสรรพากรละเลยการเรียกเก็บภาษีจากครอบครัวของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างไม่เหมาะสม เพื่อประกาศให้ข้าราชการทั่วประเทศทราบว่า ไม่ว่าใครหากปฏิบัติราชการอย่างเข้มแข็งซื่อสัตย์สุจริตย่อมได้รับความชื่นชมจากประชาชนทั่วประเทศ


สตง.ระบุสอบเข้มทุจริตโครงการรัฐ


ด้านคุณหญิงจารุวรรณได้กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา โดยกล่าวว่า การทำหน้าที่ที่ผ่านมาทำโดยสำนึกในความเป็นข้าราชการที่กินเงินเดือนของแผ่นดิน และมีทีมงานที่ดี ข้าราชการของ สตง.ทุกคน เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างแท้จริง การตรวจสอบของ สตง. ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะตรวจสอบใคร หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องกล้ายาง ขอยืนยันว่า สตง.ทำงานกันแบบมืออาชีพ มีการวางการตรวจล่วงหน้า มีการพิจารณาปัจจัยเสีย ว่าเรื่องไหนมีแนวโน้มจะเสียเนื่องจากมีวงเงินสูง มีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วจะกระทบต่อสังคมและประเทศอย่างมาก นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบผลการดำเนินงานและสถานะการเงินประจำปีของรัฐวิสาหกิจทั้งหลายที่ใช้เงินของประเทศไปลงทุนค้าขาย ว่าจะทำผลกำไรกลับคืนประเทศ หรือไม่อย่างไร อย่างล่าสุดก็กำลังตรวจสอบการดำเนินของบริษัท กสท โทรคมนาคม ที่ให้บริการระบบเซลลูลาร์ CDMA แก่กลุ่มบริษัท ฮัทช์ จากประเทศสิงคโปร์ หรือกรณีสถาบันการเงินแห่งหนึ่งนำเงินภาษีของประชาชนไปปล่อยกู้ตามนโยบายของรัฐ แล้วมีการตัดหนี้สูญไปเฉย กว่า 1 พันล้านบาท สตง.ก็กำลังดูอยู่ว่า เป็นการตัดหนี้สูญโดยสถาบันต่างๆ ว่ามีความเหมาะสมไหม ยืนยันอีกครั้งว่า การทำหน้าที่จะทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ชาติเป็นสำคัญ ไม่ได้ทำเพื่อแก้แค้นใครเป็นการเฉพาะ

เสนาะ ประกาศพลีชีพล้มทักษิณ

เมื่อเวลา 14.45 น. วันเดียวกัน ที่สถาบันพระปกเกล้า ได้มีการจัดงานวันสถาปนาสถาบันครบรอบ 8 ปี โดยได้จัดเสวนาเรื่อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่าทางตันการเมืองไทยจริงหรือ มีผู้แทนพรรคการเมืองเข้าร่วมเสวนา โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวตอนหนึ่งว่า จะปล่อยประเทศไทยถึงทางตันไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีทางออก โดยขอฟันธงว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ภายใน 3 วัน แค่เอาจุดสำคัญและกฎเหล็กออกไป แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่าทางตันทางการเมืองไม่ได้ แต่ต้องแก้ที่คน

ถ้าเอาระบอบทักษิณออกไปไม่ได้ อย่าหวังจะได้แก้อะไรได้ อยากให้คิดว่าเราถึงทางตันจริงหรือไม่ และเอาการปฏิรูปการเมืองการแก้รัฐธรรมนูญผ่าทางตันให้เกิดความเรียบร้อย ความสงบสุขจะจริงหรือ เราจะต้องช่วยกัน ถึงแม้จะต้องพลีด้วยชีวิตเราก็ต้องสู้ ขอฟันธงว่าถ้าให้มีการเลือกตั้งโดยมีระบบทักษิณอยู่ อย่าหวังว่าการปฏิรูปการเมืองต่อไปมันจะสงบได้ เพราะทุนนิยม อำนาจและความไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยไม่ละอายแก่ใจ ไม่ละอายต่อบาป อย่าพูดเรื่องการขาดจริยธรรม ดังนั้นจะต้องเอาระบอบนี้ออกไปก่อน ถึงจะคิดว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร ถ้าแก้รัฐธรรมนูญหลังเลือกตั้งคนที่โหวตคือสภา และวุฒิสภา ที่มีการจัดเตรียมกันเรียบร้อย ยังถูกครอบงำอยู่ คนกลุ่มนี้จะเป็นคนโหวตรัฐธรรมนูญ แล้วจะได้ประชาธิปไตยมาได้อย่างไร นายเสนาะกล่าว

ปชป.ร่วมตะเพิดแก้วิกฤติการเมือง

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะต้องมีการปฏิรูปการเมืองโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเห็นด้วยกับนายเสนาะที่ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียวผ่าทางตันการเมืองไทยไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ใช่ต้นตอหลักของปัญหาที่แท้จริง ต้นตอวิกฤติอยู่ที่บุคคล โดยเฉพาะผู้นำที่ใช้รัฐธรรมนูญ ถือเป็นวิกฤติตัวผู้นำ และวิกฤติพฤติกรรมของผู้นำที่ไม่มีจริยธรรม ดังนั้นจะแก้รัฐธรรมนูญ จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์อย่างไร ถ้าต้นตอปัญหายังอยู่ วิกฤติไม่สามารถคลี่คลายแบบผ่าทางตันได้ และถ้าได้ ผู้นำคนเดิมถึงเป็นนายกฯ แต่จะบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ เนื่องจากออกไปไหนไม่ได้ ทุกวันนี้ประเทศไทยถูกแบ่งเป็น 3 เขต คือ 1. เขตนายกฯห้ามเข้า 2. เขตนายกฯไม่อยากเข้า และ 3. เขตนายกฯไม่กล้าเข้า วันนี้ผู้นำไม่มีสถานภาพและวุฒิภาวะในการบริหารประเทศได้ เพราะพฤติกรรมไร้จริยธรรมยังไม่ได้ชำระสะสางอย่างเป็นรูปธรรม วิกฤติยากจะจบได้ เพราะจะมีเสียงเรียกร้องให้เข้าไปจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง


มหาชนหนุนร่วมลงสัตยาบัน


ด้านนายอรรคพล สรสุชาติ รองหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นส่วนหนึ่งของการอุดเรือรั่ว แต่อะไรที่เป็นของเสียบนเรือหรือส่วนเกินทางการเมืองที่ทำให้เกิดปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง จะต้องโยนทิ้งไม่ให้อยู่บนเรือ ไม่อย่างนั้นจะหนักเรือ และทำให้การอุดรูรั่วทำให้ยากขึ้น ส่วนกรณีเรียกร้องให้ลงสัตยาบันปฏิรูปการเมืองนั้น ความจริงน่าจะลงสัตยาบันไม่ซื้อเสียงจะดีกว่า เพราะจะทำให้การเมืองดีขึ้น

โภคิน รับการเมืองถึงทางตัน

ขณะที่นายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถทำให้คนมีคุณธรรมสูงขึ้นได้ เพราะเป็นการเขียนกำหนดเอาไว้เฉยๆ แต่ความจริงเป็นอย่างที่เขียนหรือไม่ ไม่สามารถทราบได้ ขณะนี้ทางตันทางการเมืองไทยเกิดจากตันทางเทคนิค และตันทางความรู้สึก ความคิด และอุดมการณ์การใช้ รัฐธรรมนูญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และที่ผ่านมาสังคมไทยไม่ยอมมองปัญหาในจุดเดียวกัน ทั้งที่การแก้ปัญหาต้องดูที่ต้นเหตุ ดูที่มาที่ไป ไม่อย่างนั้นสังคมจะเจ็บปวดตลอดเวลา อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญมี 2 ส่วน คือวิธีการ และเนื้อหาที่จะแก้ไข ซึ่งพรรคไทยรักไทยเสนอมาตลอดว่าควรให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์