สนธิถวายรายงานใต้พระบรมฯ ปลัดอำเภอหนองจิกปะทะคนร้าย

หกคนร้ายสุดอุกอาจ บุกทุบรถยนต์ปลัดอำเภอหนองจิก


ปัตตานี ขณะนั่งกับชาวบ้านในร้านน้ำชา ฉกเอชเค-ลูกซองยาว 5 นัด จุดไฟเผารถวอด ปลัดยิงสวน ปะทะเดือด พบโจรใต้ถูกยิงเจ็บ 1 คนแต่หนีรอด ขณะที่ "สนธิ" ล่องใต้ถวายรายงานพระบรมฯ เสด็จฯ แปรพระราชฐาน ยันไม่พบการเชื่อมโยงกลุ่มก่อการร้ายนอกประเทศกับกลุ่มบึ้มแบงก์

ความวุ่นวายในพื้นที่ เมื่อเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน


พ.ต.อ.ถวัลย์ นคทราวงศ์ ผกก.สภ.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันและมีเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านสายหม้อ ต.บางเขา อ.หนองจิก ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ 4 ประตู ยี่ห้อมาสด้า ทะเบียน บจ 6646 ปัตตานี กำลังถูกเพลิงไหม้อยู่ เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำสกัดประมาณ 5 นาที เพลิงจึงสงบ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และปลอกกระสุนปืนอาก้า รวม 20 ปลอก

จากการสอบสวนนายจักรตรา พรหมแก้ว อายุ 42 ปี


ปลัดอำเภอหัวหน้าประจำตำบลบางเขา อ.หนองจิก ให้การว่า ขณะที่ขับรถยนต์คันที่ถูกเพลิงไหม้เพื่อลงพื้นที่พบปะชาวบ้านเป็นประจำทุกวัน โดยได้จอดรถยนต์หน้าร้านน้ำชา ก่อนที่จะเดินไปนั่งดื่มน้ำชากับชาวบ้าน ปรากฏว่า ระหว่างนั้นมีคนร้าย 6 คน ขี่รถจักรยานยนต์มา 3 คัน เข้ามาจอดเทียบรถยนต์ของตน ก่อนใช้ของแข็งทุบกระจกรถ

จากนั้นคนร้ายได้หยิบเอาอาวุธปืนยาวเอชเค


และอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด ยิงใส่รถยนต์และจุดไฟเผา จึงชักปืนพกที่ติดตัวอยู่ยิงใส่คนร้ายทันที ปรากฏว่า คนร้ายได้ใช้อาวุธสงครามกราดยิงเข้าใส่ในร้านน้ำชาหลายสิบนัด ก่อนเร่งเครื่องหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืน 2 กระบอกที่อยู่ภายในรถยนต์ ตนจึงวิ่งไล่พร้อมกับใช้ปืนยิงไล่หลังไปถูกคนร้ายได้รับบาดเจ็บ 1 คน แต่ก็สามารถหลบหนีไปได้


เหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่เชื่อว่า


คนร้ายคงจะเป็นแนวร่วมในพื้นที่ ซึ่งเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของนายจักรตรามาตลอด เมื่อสบโอกาสจึงก่อเหตุชิงอาวุธ ดังกล่าวขึ้น

"สนธิ" ลงใต้ถวายงานพระบรมฯ


เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 4 กันยายน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ข้อมูลข่าวสารยังไม่พบว่าเหตุการณ์ลอบวางระเบิดพร้อมกัน 22 จุด ในพื้นที่ จ.ยะลา มีการเชื่อมโยงจากกลุ่มก่อการร้ายภายนอกประเทศ ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง อีกทั้งไม่มั่นใจว่าจะมีการเชื่อมโยงจากภายนอกเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้ นอกจากคนไทยที่หลบหนีออกนอกประเทศอาจจะเดินทางกลับเข้ามาเท่านั้น

เมื่อถามว่า


มีมาตรการป้องกันอย่างไรที่จะไม่ให้ระดับแกนนำภายนอกประเทศมีการเชื่อมโยงกับแนวร่วมในพื้นที่ภาคใต้เข้ามาก่อเหตุ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า คงลำบาก เพียงแต่จะต้องหาจุดต้นทางให้เจอ แล้วก็แบ่งหน้าที่กันทำงาน ส่วนที่เกรงว่าจะมีกลุ่มก่อความไม่สงบใช้วิธีการเดินเท้าเข้ามาตามแนวชายแดนนั้น คงลำบาก เพราะแนวชายแดนตั้งแต่แม่น้ำโก-ลก ถึง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีช่องว่าง คิดว่าระบบการควบคุมลำบากมาก โดยเฉพาะการลักลอบเข้ามาทางเรือ แต่ถ้ามาทางเท้าตามถนนหรือป่าเขา เรามีกำลังดูแลอยู่แล้วไม่มีปัญหา

การแก้ไขปัญหาจะต้องคิดทั้งภาพเล็กและภาพใหญ่


ซึ่งภาพใหญ่ในเรื่องของการเจรจา หรือ สันติสมานฉันท์ ถือว่าเป็นงานหลักของกองทัพ ส่วนเรื่องการสกัดกั้นตามแนวชายแดนก็ทำอย่างเต็มที่ ไม่ให้มีการเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้ บริเวณด้านอ่าวไทยก็มีกำลังของกองทัพเรือดูแล ส่วนการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ ก่อนเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่างวันที่ 4-10 กันยายนนี้ ก็เพื่อไปถวายงานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่จะเสด็จฯ แปรพระราชฐาน และไปกำกับดูแลงานตามที่ได้รับมอบหมายในหน้าที่ประธานคณะกรรมการบริหารจัดการให้เป็นไปตามนโยบายและยุทธศาสตร์เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กบ.ชต.) เพื่อไปเสริมงานทั้งในส่วนของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า

พล.อ.สนธิ กล่าวด้วยว่า


ขณะนี้ไม่ต้องมีการปรับการทำงานของ กอ.สสส.จชต. เพราะทุกอย่างดีหมดแล้ว ขอเพียงแต่ไปทำให้สิ่งที่ยังเป็นช่องว่างอยู่ เช่น คนของกองทัพไม่พอ ก็จะไปปรับระดับ และระบบของการวางกำลังใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

แหล่งที่มา คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์