ปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุมีการเตรียมการรองรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงทุกด้าน รวมทั้ง ช่วงที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปต่างประเทศ ยืนยันไม่มีปฏิวัติเกิดขึ้นแน่ เผยได้รับการกำชับห้ามใช้อาวุธสงคราม ขณะปฏิบัติหน้าที่ มีเพียงโล่-กระบองที่ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ส่วนแก๊สน้ำตาให้เป็นมาตรการสุดท้าย และให้ใช้ของทหาร-ห้ามยิงลักษณะ 7 ต.ค. 51พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการรับมือการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) วันที่ 19 กันยายน นี้ว่า ได้เตรียมกำลังทหาร 33 กองร้อย และตำรวจ 30 กองร้อย โดยนายกรัฐมนตรีกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจนว่า จะพยายามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ต่ถ้าเกิดขึ้นก็ต้องดำเนินการตามหลักสากล นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลทหาร เพื่อปฏิบัติภารกิจร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กรณีมีผู้บาดเจ็บ แต่คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง เพราะแกนนำ นปช.ประกาศว่า จะชุมนุมโดยสงบ ไม่สร้างเงื่อนไขใดๆ ส่วนที่หน่วยข่าวเกรงปัญหามือที่ 3 เป็นเพียงข้อห่วงใยที่เตรียมการไว้
ปลัดกลาโหมยืนยันไร้ปฏิวัติ
“การเพิ่มกำลังจากเดิม 30 กองร้อย เป็น 33 กองร้อย ไม่ได้เป็นห่วงอะไรพิเศษ เพียงแต่ นปช.ประกาศว่า จะไปชุมนุมในจุดที่เพิ่มจากทำเนียบรัฐบาล จึงต้องเพิ่มกำลังให้เพียงพอในการดูแลสถานที่ต่างๆ” พล.อ.อภิชาต กล่าว และว่า ในกรณีที่เกิดเหตุลุกลามบานปลาย จะไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะยังคงใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ดูแล ซึ่งมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 12-13 ฉบับพล.อ.อภิชาต กล่าวว่าได้มีการกำชับไม่ให้ใช้อาวุธสงครามอย่างเด็ดขาด อาวุธที่ใช้จะมีเพียงโล่ กระบอง และถ้าไม่จำเป็นจริงๆ กระบองก็ห้ามใช้ รวมทั้ง แก๊สน้ำตา ถ้าจำเป็นต้องใช้ ห้ามใช้ของตำรวจ ให้ใช้ของกองทัพ ที่จัดซื้อมาใหม่ ห้ามยิงในลักษณะที่ยิง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และขอให้เป็นมาตรการสุดท้ายพล.อ.อภิชาต ยอมรับว่า มีการเตรียมการรองรับกรณีที่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันในระหว่างที่นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา โดยกำหนดเป็นข้อห่วงใยที่ต้องเตรียมการรองรับไว้ แต่ขอยืนยันว่า ไม่เรื่องการปฏิวัติแน่นอน ไม่มีผู้นำเหล่าทัพใดมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนแม่ทัพภาคที่ 1 ที่สนับสนุนการปฏิบัติงานในฐานะหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการในการดูแลการชุมนุม พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ ตามที่รัฐบาลกำหนด“ผมยืนยันได้ว่า ทหารจะไม่ปฏิวัติในช่วงที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่อย่างแน่นอน เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาทำได้ด้วยกฎหมาย เราไม่เคยมีความคิดในการเอาเรื่องปฏืวัติ มาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา และขณะนี้ก็ไม่มีอะไรที่เป็นเงื่อนไขเพียงพอในความเห็นของพวกเรา ยุคสมัยใหม่แล้ว การปฏิวัตเป็นเรื่องล้าสมัย” พล.อ.อภิชาต กล่าวส่วนที่ประชาชนจำนวนหนึ่งจะไปชุมนุที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ในวันเดียวกับที่ นปช.ชุมนุม ที่กรุงเทพฯ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกรงจะกระทบกับกัมพูชา เพราะอาจทำให้มองว่า เราบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ หากมีการจับกุมเกิดขึ้น จะเป็นผลเสียต่อการเจรจาแก้ปัญหาในขณะนี้ เราจึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทับซ้อนขึ้นมาอีกต่อข้อถามว่า เป็นปัญหาการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาลหรือไม่ เพราะเสื้อแดงและเสื้อเหลืองเคลื่อนไหวพร้อมกัน พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่ได้มองลึกซึ้งขนาดนั้น เป็นความบังเอิญมากกว่า แต่ก็สร้างความกังวลใจให้เรา ปัญหาปราสาทพระวิหาร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เจรจากับทหารกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด หากเกิดปัญหาซ้อนขึ้นมาอีก ก็จะกระทบการเจรจาได้ เป็นเรื่องที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบ 2 กลุ่มแล้ว กลุ่มเสื้อแดงน่าเป็นห่วงมากกว่า