เทพไทชูมาร์คพระเอกตัวจริงเหมาะนายกฯ-กล้าเผชิญพายุลมแรง

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าเมื่อวันที่ 17 ก.ย.

ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจ และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำ และอ่อนหัดว่า คนเหล่านี้ใช้จิตนาการวิเคราะห์การทำงานของผู้อื่นมาผสมกับอคติส่วนตัว เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายการเมืองบางฝ่ายที่กลุ่มตนเองสนับสนุน ซึ่งข้อเท็จจริงถ้าเข้าใจถึงหัวอกของคนที่เป็นนายกฯ ก็จะรู้ว่าการตัดสินใจเรื่องใดๆ ต้องมีองค์ประกอบและเงื่อนไขแวดล้อมมากมาย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบ เช่นเดียวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายกฯ ได้ใช้ความพยายามที่สุดแล้วในลักษณะบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นและเชื่อว่าถ้าสังคมรู้ข้อมูลรอบด้านเท่าที่นายกฯ รู้ก็จะต้องเห็นอกเห็นใจและไม่มีข้อกังขาเกี่ยวกับวุฒิภาวะ แต่จะชื่นชมว่านายกฯ ว่าเป็นผู้ที่ยึดมั่นในหลักการและกล้าหาญเผชิญหน้ากับพายุลมแรงอย่างไม่หวั่นเกรง เพื่อยึดความถูกต้องและผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

“ไม่อยากให้สังคมไทยด่วนสรุป โดยเอาเรื่องบางเรื่องมาตัดสิน ถ้าเรื่องนี้เป็นหนังก็ต้องเป็นหนังยาวที่ต้องดูกันยาวๆ  เมื่อหนังจบทุกคนก็จะเข้าใจว่าใครคือพระเอกตัวจริง ดังนั้น ขอยืนยันว่านายกฯ มีครบทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิและชาติวุฒิเพียงพอที่จะเป็นผู้นำประสบการณ์ทางการเมืองที่ยาวนาน ความสามารถที่มีอยู่ก็จะแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้นำที่เข้มแข้งสามารถฝ่าวิกฤตต่างๆ เพียงขอให้สังคมให้กำลังใจและผู้สนับสนุนเปิดโอกาสให้คนดีมีความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริตได้มีโอกาสบริหารประเทศ” นายเทพไทกล่าว

นายเทพไทกล่าวอีกว่า ส่วนที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการเลื่อนประชุม ก.ต.ช.

เพราะนายกฯไม่มั่นใจในข้อกฏหมาย ถือเป็นการวิเคราะห์ที่ปราศจากข้อเท็จจริง เพราะการประชุมครั้งนี้ไม่มีประเด็นข้อกฏหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะทุกครั้งที่นายกฯจะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อกฏหมายก็จะหารือกับคณะกรรมการกฤษฏีกาหรือที่ปรึกษาด้านกฏหมายของรัฐบาลมาแล้วเสมอ   โดยมีความเห็นแล้วว่าสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ส่วนประเด็นการต่อรองกับพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่านายกฯ ไม่เคยบริหารงานแผ่นดินด้วยการต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้ง กรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ก็ถือเป็นหน้าที่โดยตรงที่ต้องรับผิดชอบ จึงไม่มีผู้ใดมาต่อรองกับนายกฯได้ หรือข้อกล่าวหาว่ากลัวเพราะจะหลุดจากเก้าอี้ก็เช่นกัน ขอยืนยันว่านายกฯ เป็นคนที่ไม่ยึดกับตำแหน่งเพียงแต่ตระหนักต่อภาระหน้าที่ ส่วนการจะหลุดจากตำแหน่งนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกำหนดและกฏเกณฑ์ได้ว่า อุบัติเหตุการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ถ้าจะนับตามวาระของสภานี้  นายกฯ จะนั่งบนเก้าอี้นี้อีก 2 ปีกว่าๆ และยืนยันได้ว่าจะไม่กอดเก้าอี้เพื่อรักษาสถานะของตัวเอง โดยแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์และความไม่ถูกต้องจนชาติบ้านเมืองพังพินาศอย่างยับเยิน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์