หวั่นย้อนรอยยึดสนามบิน
'สุเทพ'สั่งเฝ้าระวังวอนม็อบเสื้อแดงอย่าทำชาติเสียหาย
บช.น.อารักขาสถานที่สำคัญผวาบึ้มซ้ำ"สุเทพ"เฝ้าระวังเข้ม หวั่นถูกย้อนรอยยึดสนามบิน วอน“ม็อบเสื้อแดง” อย่าทำชาติเสียหาย พร้อมยืดเวลาประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ “สาทิตย์” ยันให้เสรีภาพสื่อนำเสนอข่าว “พ.ท.” ชงเรื่องเชือด 9 ป.ป.ช. 4 ข้อหาฉกรรจ์ ยกเรื่อง “สลายชุมนุม 7 ต.ค.” เอาผิด ศธ.ไฟเขียวให้ปิดโรงเรียน ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ ปรับ 5 หมื่น “ดา” หมิ่น “ป๋า” แฟนพันธุ์แท้ จยย.ชวดล่าคนร้ายปาบึ้มบ้าน ป.ป.ช
กรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ขณะที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร ให้เขตพื้นที่ดุสิต กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย. ขณะที่ฝ่ายการเมืองได้ออกมาเคลื่อนไหว ด้วยการงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ มาห้ำหั่นเชือดเฉือนกันก่อนวันชุมนุมใหญ่อย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
*“เทพ” เฝ้าระวังสนามบิน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 16 ก.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ตนได้พยายามขอร้องและออกคำเตือนไปถึงประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ขอให้ชุมนุมตามหลักที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตย และปฏิบัติทุกอย่างให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย รัฐบาลจะไม่ทำอะไรรุนแรงอย่างเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อป้องกันและรักษากฎหมาย ซึ่งการประกาศขั้นตอนใด ๆ รัฐบาลจะประกาศผ่านสื่อ รวมถึงการสั่งการในส่วนของตนในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ก็ไม่ต้องตีความเพราะตนจะสั่งการเป็นหนังสือ มีเจ้าหน้าที่ร่างคำสั่งตามขั้นตอนไว้เรียบร้อย
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีการปิดล้อมสนามบินข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังตรวจสอบอยู่ และขอความกรุณาว่าอย่าทำเลย เพราะทำแล้วเสียหายมาก เมื่อถามว่าหากเสื้อแดงย้อนรอยกลุ่มพันธมิตรด้วยการดาวกระจายไปยังกลุ่มต่าง ๆ นายสุเทพ กล่าวว่า หากมีการทำอย่างนั้น ตนจะประกาศพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพิ่มเติม และจำเป็นต้องใช้กำลังเข้าไปแก้ปัญหา เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเชื่อแกนนำผู้ชุมนุมที่บอกว่าจะชุมนุมถึงแค่เที่ยงคืนแล้วจะกลับ ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น แต่หากไม่เป็นไปตามนั้น ตนได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไว้ถึง 5 วัน แต่หากชุมนุมยืดเยื้อกว่านั้น คงต้องไปขออนุมัติ ครม. เพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ต่อ
*นายกฯตั้งศอ.รส.รับม็อบแดง
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ก.ย. เวลา 16.30 น. จะมีการประชุมกองอำนวย การรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. ที่รัฐสภา โดยนายอภิสิทธิ์ในฐานะประธาน กอ.รมน. จะพิจารณาการตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. และผู้รับผิดชอบดูแล หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ต้องรอให้รัฐบาลเรียกประชุมและสั่งการก่อน แต่ในภาพรวม เราจะช่วยกันทำให้สถานการณ์เรียบร้อย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งนี้ หากกำลังในการรักษาความสงบของ ตำรวจไม่พอเราพร้อมให้การสนับสนุนทันที
พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะเป็นไป ตามแผนที่กำหนดไว้ ยืนยันว่าไม่มีการกีดกัน การชุมนุม โดยจะดูแลให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการสำคัญ ทั้งนี้ จะปิดเส้นทางรอบทำเนียบฯ ตามแผนเดิม เพราะเกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีมาสร้างสถานการณ์ นอกจากนี้ หากผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากจะยากต่อการดูแล จึงต้องเน้นการตรวจอาวุธ
ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกระแสข่าวตำรวจเกียร์ว่าง หลังจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีตำรวจสลายม็อบ 7 ตุลาฯ ว่า รัฐบาลมีมาตรการทางกฎหมายเข้ามา และมีทหารเข้ามาเป็นผู้ช่วย ดังนั้นตำรวจทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ข่าว
*อารักขาสถานที่สำคัญหวั่นบึ้มซ้ำ
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการแทน ผบ.ตร. ได้กำชับให้ บช.น.จัดกำลังให้สืบสวนหาข่าวและตรวจตรากลุ่มผู้ไม่หวังดี โดยคาดว่าจะมีการก่อเหตุวางระเบิดในที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องหลังเกิดเหตุ ปาระเบิดบ้านพักของนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรายงานข่าวของหน่วยงานความมั่นคงแจ้งว่า น่าจะมีการเกิดเหตุระเบิดในลักษณะดังกล่าวต่อไปจนถึงวันที่ 20 ก.ย. พล.ต.อ.ธานี จึงกำชับสั่งการให้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ทำการจัดชุดสืบสวนหาข่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเป็นไปได้ว่าวัตถุระเบิดต่าง ๆ ที่มีอยู่ขณะนี้อยู่ในพื้นที่ กทม.แล้ว พร้อมทั้งสั่งเพิ่มความถี่ในการตั้งจุดตรวจในพื้นที่ล่อแหลมจนถึงช่วงเช้าของทุกวัน ตลอดจนให้ความสำคัญในการดูแลสถานที่สำคัญ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง สำนักงาน กกต. สำนักงาน ป.ป.ช. บ้านพักองคมนตรี ฯลฯ โดยให้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และเทศกิจมาร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของนครบาล
ขณะที่ ผบช.น. ได้ออกหนังสือคำสั่งด่วนที่สุด เลขที่ 0015.112/285 แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดทุกหน่วยงานว่า ตั้งแต่วันที่ 18-22 ก.ย. ให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ห้ามขาดห้ามลา เว้นแต่การลาป่วยในกรณีที่มีเหตุผลจำเป็นอย่างแท้จริง ให้เสนอ ผบช.น. เป็นผู้พิจารณาอนุญาตเท่านั้น ส่วนที่ได้รับอนุญาตให้ลาไปแล้วนั้นให้ยกเลิกทุกรายไป โดยให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดทุกนาย อยู่ปฏิบัติหน้าที่เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
*“แม้ว”เยาะ“ปฐมพงษ์”ละเมอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความว่า “ทราบว่าคุณปฐมพงษ์ไม่สบายออกมาละเมอผ่านช่อง 11 ว่า คอมมิว นิสต์ จะคืนชีพมาล้มราชบัลลังก์ 19 ก.ย.นี้ โถ เขาจะมาต่อต้านการปฏิวัติอย่างสันติครับ ย้ำ 3 ปีชาติแย่”
ขณะที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีเสียงวิจารณ์ว่าปัญหาบ้านเมืองเกิดจากการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ว่า ขณะนั้นมีปัญหาอยู่มากมาย เกิดการคอร์รัปชั่นที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ หากปล่อยให้เกิดการชุมนุมอาจส่งผลให้เกิดการนองเลือด หากตอนนั้นไม่ปฏิวัติเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการนองเลือด และหากไม่ปฏิวัติ บ้านเมืองเราจะถูกคอร์รัปชั่นไปอีกไม่รู้เท่าไร ชาติจะไม่มีอะไรเหลือ “เมื่อปฏิวัติแล้วแม้จะไม่มีความสงบเรียบร้อยอย่างที่ต้องการ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้คนไทยมาฆ่ากันเอง ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาถึงนี้ ขอให้รัฐบาลเร่งชี้แจงให้ประชาชนโดยเฉพาะภาคเหนือและอีสานเข้าใจ อย่าประมาทเพราะอาจมีการสร้างเหตุการณ์ขึ้นมาเพื่อให้นำไปสู่ความรุนแรงได้”
*“เทพไท”อัดแม้วระดมมวลชน
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง ว่า เป็นม็อบที่จองล้างจองผลาญอาฆาตมาดร้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อย่างไม่มีสิ้นสุด เห็นได้จากกลุ่มเสื้อแดงในภาคอีสาน ที่นัดชุมนุมที่หน้าบ้านไร้กังวล จ.นครราชสีมา ของ พล.อ. เปรม ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณผ่านรายการวิทยุ Thaksinlive.com ว่า อยากให้ชุมนุมกันอย่างสงบ แต่ในขณะเดียวกัน ได้ใช้วิธีการโฟนอินปลุกระดมคนเสื้อแดง ที่ จ.นครพนม และชลบุรี จึงแสดงให้เห็นว่าเป็นคนปากอย่างใจอย่าง อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทบทวนบทบาทของตัวเองว่าสับสนในตัวเองหรือไม่ ส่วนความเห็นของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส. ที่ว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงครั้งนี้ อาจนำไปสู่การปฏิวัตินั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นฝันกลางวันของ พล.อ.ชัยสิทธิ์
*“สาทิตย์”ยันให้เสรีภาพสื่อ
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า หน่วยงานความมั่นคงได้ประสานเพื่อใช้สื่อของรัฐในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน ว่า เรื่องการทำข่าวเป็นเรื่องที่แต่ละฝ่ายจะใช้ดุลพินิจของตัวเองในการดำเนินการ ส่วนการชี้แจงเป็นเรื่องของฝ่ายรัฐ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามชี้แจงผ่านสื่อมวลชน ผ่านแม่ข่ายคือช่อง 11
เมื่อถามว่ามีการกำหนดขอบเขตการทำหน้าที่ของสื่อในพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่มีการกำหนดกรอบ อะไรที่จะกระทบต่อการทำงาน เพราะรัฐบาลต้องการให้เกิดความโปร่งใส ดังนั้นสื่อสามารถใช้สิทธิเสรีภาพได้ ยกเว้นกรณีเจ้าหน้าที่กังวลในเรื่องความปลอดภัย ก็จะประกาศเตือนออกมา ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มายังกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ต้องยอมรับว่าช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา การโฟนอินดังกล่าวทำให้เหตุการณ์บานปลาย ดังนั้นในแต่ละฝ่ายต้องระมัดระวังในเรื่องนี้
*“ชวน”มั่นใจพรบ.ความมั่นคง
ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ เวลา 10.00 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 19 ก.ย.ว่า หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไร แต่ก็อย่าประมาท เพราะอย่างน้อยกลุ่มคนที่อยากจะให้มีเรื่องก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นก็ต้องระมัดระวัง ส่วนการที่รัฐบาลเตรียมประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เหมาะสมหรือไม่นั้น ตนเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะมีข้อมูล คนนอกคงไม่มีข้อมูลในส่วนที่ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่นายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมการชุมนุมได้ทันที หากเกิดอะไรรัฐบาลจะรับผิดชอบ นายชวนกล่าวว่า “สิ่งที่คุ้มครองผู้กระทำ คือกฎหมายไม่ใช่คำพูดของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สมมุติว่ารัฐบาลไปประกาศว่าคุ้มครอง และพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปกระทำผิด กฎหมายก็จะไม่ฟังว่าใครคุ้มครอง แต่จะดำเนินการว่าใครคือผู้กระทำผิด ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยึดกฎหมายเป็นหลักอย่าไปยึดคำรับรองของผู้หนึ่งผู้ใด”
*“อู๊ดด้า”ไฟเขียวปิดโรงเรียน
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว. ศึกษาธิการ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 ก.ย.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในพื้นที่เขตดุสิต ว่า ขณะนี้ตนยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะยังไม่ทราบว่ารูปแบบของการชุมนุมจะออกมาในรูปแบบใดและมีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน แต่ก็จะยึดหลักหากเกิดมีประเด็นที่กระทบต่อการปิดโรงเรียนในเขตพื้นที่ดุสิตนั้น ก็ให้เป็นอำนาจของโรงเรียนเองที่จะสั่งปิดได้ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนโดย ให้ใช้ดุลพินิจเอาเอง และหากเหตุการณ์ไม่นำไปสู่ความรุนแรงก็ให้เปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ หรือหากโรงเรียนไม่มีความมั่นใจก็รายงานสถานการณ์มายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้
*“กรณ์”มั่นใจไม่ซ้ำรอยรัฐประหาร
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ วันที่ 18-22 ก.ย.นี้ เป็นการแสดงความพร้อมของรัฐบาล ที่ใช้กฎหมายเพื่อรักษาสิทธิโดยรวมให้อยู่อย่างสงบสุขภายใต้กฎหมาย เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมมีเจตนาจะสร้างปัญหา หากไม่เตรียมพร้อมอาจเกิดเหตุการณ์เหมือนเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่ นายกฯ จะเดินทางไปต่างประเทศช่วงชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ตนมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ทหารยึดอำนาจซ้ำรอย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส โฆษก กระทรวงการคลัง กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในเขตดุสิต วันที่ 18-22 ก.ย. นี้ เพื่อดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก เพราะเป็นการใช้มาตรการป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งหากเกิดเหตุรุนแรงจริง จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นจากยอดจองโรงแรมที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ติดลบมาโดยตลอด “ยอมรับว่า ปัจจัยทางการเมืองกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและภาคเอกชนในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัว หากการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนก็จะไม่เกิดขึ้น”
*พท.แจ้ง 4 ข้อหาเชือดป.ป.ช.
วันเดียวกัน ส.ส.พรรคเพื่อไทยนำโดยนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นรายชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 143 คน ต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ไต่สวนและดำเนินคดีกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้ง 9 คน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 249 เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า ป.ป.ช. ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 4 ประการ คือ การใช้เงินงบประมาณและออกระเบียบโดยไม่ชอบ เพราะไม่มีกฎหมายเปิดให้ทำได้ แต่ยังมีการตั้งคนใกล้ชิดมาเป็นที่ปรึกษาและเลขาส่วนตัว ถือว่าขัดมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ
*แฉปิดข้อมูลสลายชุมนุม7ต.ค.
กรณีไต่สวนชี้มูลความผิดข้าราชการตำรวจโดยไม่ชอบ กรณี พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง หรือ “โอ๋ สืบ 6” ที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดอาญาและวินัยร้ายแรง เป็นเหตุให้ออกจากราชการ แต่ภายหลังศาลปกครองให้เพิกถอนมติการลงโทษ ถือเป็นการไต่สวนที่มิชอบ, การปกปิดข้อมูลข่าวสารไต่สวนคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร 7 ตุลาฯ ที่ชี้มูลความผิดต่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. โดยผู้ถูกกล่าวหาได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เปิดเผยพยานหลักฐานเรื่องการชันสูตรและพยานหลักฐานอื่น ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้สั่งให้เปิดเผยข้อมูลในวันที่ 8 ก.ย. แต่ ป.ป.ช. กลับชี้มูลความผิดในวันที่ 7 ก.ย. และ กรณีรับเรื่องไว้ไต่สวนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีอดีต รมว. สาธารณสุข ถูกกล่าวหาว่ายกเลิกการประกวดราคาโครงการจัดทำระบบคอมพิวเตอร์
จึงขอให้พิจารณาลงโทษ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83 ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 125
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลฎีกาฯ รับเรื่องไว้พิจารณา จะมีขั้นตอนดำเนินการต่อไปอย่างไร นายประเกียรติ กล่าวว่า ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน จะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ และมีการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ยืนยันว่าการยื่นเอาผิด ป.ป.ช. ครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของการเอาคืน แต่ ป.ป.ช.ได้ทำผิดหลายกรณี หลายวาระ ล่าสุดคือเรื่องสลายการชุมนุม 7 ต.ค.
*แฟนพันธุ์แท้ชวดคลี่ปาบึ้มปปช.
ส่วนกรณีคนร้ายบุกขว้างระเบิดลูกเกลี้ยงใส่บ้านนายวิชา มหาคุณ 1 ในคณะกรรมการ ป.ป.ช. เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 250 ถนนสิรินธร แขวง-เขตบางพลัด เมื่อกลางดึกวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะมีวัตถุประสงค์ในการลงมือครั้งนี้ไปในทางข่มขู่มากกว่าเอาชีวิต และจากการตรวจสอบ กล้อง วงจรปิดแล้วพบ จยย.ต้องสงสัย ยี่ห้อยามาฮ่าอาร์เอ็กซ์แซด ที่มีผู้ต้องสงสัย 2 ราย ขับขี่ โดยชุด สืบสวนเตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญ จยย. จาก รายการ “แฟนพันธุ์แท้” มาร่วมคลี่คลายคดีนั้น
ความคืบหน้าในวันเดียวกันนี้ รายงานข่าว จากฝ่ายสืบสวน แจ้งว่า การประสานงานเชิญผู้เชี่ยวชาญจากรายการ “แฟนพันธุ์แท้” มาร่วมคลี่คลายคดีนั้น ทราบว่าขั้นตอนยุ่งยากเกินไป ต้องทำหนังสือและมีการลงนามจากรักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน จึงจะมีการเปลี่ยนไปเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน จยย.จากหน่วยงานอื่นแทน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประสาน งาน เพื่อมาช่วยตรวจสอบว่าปัจจุบันนี้ จยย. อาร์เอ็กซ์แซด มีการใช้อยู่ในเขตพื้นที่ใดบ้าง เพื่อจำกัดวงพื้นที่ให้แคบลงและง่ายต่อการติด ตามจับกุมผู้กระทำผิด โดยจะกระทำการควบคู่กันไปกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบตามถนนสิรินธรและร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ในละแวก เพื่อเก็บข้อมูลคนร้ายให้ได้มากที่สุด
ส่วนกรณี นายตำรวจยศ พ.ต.อ. และ พ.ต.ท. เข้าไปตรวจสอบข้อมูลที่อยู่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน จากข้อมูลทะเบียนราษฎรนั้น ล่าสุดจากการตรวจสอบแล้วทราบว่า นายตำรวจทั้ง 2 นาย ได้เข้าไปดูข้อมูลจริง แต่เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนอื่น ไม่ใช่ข้อมูลที่อยู่ของนายวิชา เพื่อทำการอารักขาด้านความปลอดภัย และข้อมูลของนายวิชานั้น ทราบว่าปัจจุบันพักอาศัยอยู่ย่านดุสิต ซึ่งไม่ใช่ที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
*ปรับ “ดา ตอร์ปิโด” หมิ่นป๋า
เช้าวันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ อ.4767/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด อายุ 51 ปี แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และกระจายเสียง กรณีเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2550 จำเลยได้ปราศรัยบนเวทีหน้ากระทรวงศึกษาธิการ บริเวณแยกมิสกวัน กล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. (ขณะนั้น) ผู้เสียหาย เกี่ยวกับการรัฐประหารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำนองว่า เอาทหารมาปกครองประเทศ ต่อมาผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้นายทหารพระธรรมนูญแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เมื่อเดือน มิ.ย. 50 ขอให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 326, 328 ซึ่งจำเลยปฏิเสธ อ้างว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
โดยสรุปแล้ว ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเกินขอบเขตของการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมิใช่การติชมด้วยความสุจริตและเป็นธรรมที่จะเป็นข้องดเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา 329 (1) (3) ให้พ้นความผิดได้ เห็นสม ควรลงโทษสถานเบาให้หลาบจำ สั่งปรับ 50,000 บาท ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีที่หมิ่นประมาทนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรฯ ในคดีหมายเลขดำ อ.3634/2551 นั้น เนื่องจากศาลมีคำพิพากษาสั่งปรับ ไม่มีโทษจำคุกจึงไม่อาจนับโทษต่อได้.