จับผิด ´สุริยะ´ พูดไม่ตรงข้อเท็จจริง

กล่าววานนี้ (3 ก.ย.) กรณีการนำเสนอนโยบายการสร้างรถไฟฟ้าจำนวน 10 เส้นทางของพรรคไทยรักไทย ว่า โครงการสร้างรถไฟฟ้าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี โครงการดังกล่าวเป็นแผนแม่บท ในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนใน กทม. ดังนั้น พรรคไทยรักไทยกล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ต่อยอดโครงการนี้จึงไม่เป็นความจริง เพราะไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นรัฐบาล จะต้องดำเนินการตามแผนแม่บท ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ศึกษา มาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ต้องการชี้ให้เห็นว่าตัวเลขที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย นำเสนอไม่เป็นความจริง ไม่ชัดเจน มีความสับสนอยู่มาก ส่วนที่พรรคไทยรักไทยเสนอเก็บค่าโดยสารเพียง 15 บาทนั้น เมื่อคำนวณจากรายได้และรายจ่ายพบว่า ค่าโดยสารอัตรานี้จะทำให้รัฐเสียหายปีละ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต้องนำเงินภาษีของประชาชนทั่วประเทศมาจ่าย หากรัฐบาลต้องการจะเก็บค่าโดยสารเพียง 15 บาท ทำไมไม่ เริ่มเก็บค่าโดยสารตั้งแต่ตอนนี้ และยังไม่ควรนำเสนอในตอนนี้เพราะโครงการจะเสร็จประมาณ 5 ปี จึงไม่ควรใช้วิธีนี้เพื่อหาเสียง ถือเป็นวิธีคิดตื้นๆ

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.ได้ดำเนินการเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าบริเวณสะพานสาทรข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร มีความคืบหน้าของการก่อสร้างกว่า 54 % คาดว่าปลายปีนี้โครงสร้างดังกล่าวน่าจะแล้วเสร็จ และจะทดสอบระบบได้ประมาณเดือน เม.ย.ปี 2550 ตรงนี้จะทำให้ชาวฝั่งสาทรสามารถเดินทางข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาได้สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ ในส่วนของเส้นที่ 2 จากอ่อนนุชไปสุขุมวิท 107 ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร ริ่มดำเนินการแล้ว จะแล้วเสร็จในปี 2552 นอกจากนี้ ในปี 2550 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างเส้นจากหมอชิตไปแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะเริ่มสร้างในปี 2550 นอกจากนี้ จะผลักดันส่วนเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทุกสาย อีกทั้งในอนาคต กทม.จะศึกษาการซื้อตั๋วครั้งเดียว สามารถเดินทางได้ครบองค์ประกอบ ตั้งแต่บนบกลงไปถึงเส้นทางน้ำ ถือเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการพัฒนาระบบการคมนาคมที่มีความเชื่อมต่อ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการสัญจรอย่างปลอดภัยและประหยัด

น.ต.ศิธากล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 7 สาย ครอบคลุมพื้นที่เพียง 139 กิโลเมตร แต่ในส่วนของพรรคไทยรักไทยยืนยันว่า ได้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2548 หลายโครงการได้ดำเนินการและมีความคืบหน้าแล้ว เช่น โครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ที่เหลืออีกไม่เกิน 11 เดือน ก็จะแล้วเสร็จ และเปิดใช้งานได้ในต้นปี 2551 นโยบายรถไฟฟ้า 7 สายของประชาธิปัตย์ ปรากฏว่าเป็นเส้นทางที่ทับซ้อนกับโครงการของพรรคไทยรักไทยทั้งดุ้น มีส่วนที่แตกต่างออกไปเพียง 12 กม. หรือคิดเป็นร้อยละ 3 เท่านั้น มิหนำซ้ำการลอกนโยบายพรรคไทยรักไทยในครั้งนี้ ในเว็บไซต์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุว่า นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาทำ ก็ยังไม่ได้ลบรายละเอียดโครงการที่ไทยรักไทยได้ทำไปแล้ว ด้วยซ้ำ คือ โครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ที่ประชาธิปัตย์บอกว่าจะใช้เงินลงทุนถึง 56,000 ล้านบาท เริ่มในปี 2548 ทั้งที่ความจริงขณะนี้โครงการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วเกือบครึ่ง และใช้งบเพียง 25,907 ล้านบาท นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เรียกว่า เป็นนโยบายก๊อบปี้แอนด์ ดีวีลอปเม้นท์ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ว่าโครงการที่ต่างคนต่างคิดจะมาเหมือนกันถึง 97%

น.ต.ศิธากล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพิสูจน์ ไม่ได้ว่าใครลอกใคร แต่ก็ต้องขอชื่นชมที่พรรคประชาธิปัตย์ หันกลับมาสนใจนำเสนอเนื้อหาของงาน ดีกว่าที่จะมาประหัตประหารกันด้วยคำพูด ดังนั้น ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ หันไปให้ความสนใจในเนื้องานให้มากขึ้น มากกว่าการเน้นเรื่องประชาสัมพันธ์ และก็อย่าลืมโครงการที่เคยเสนอไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้ทำเลย คือรถเมล์วิ่งบนเกาะกลางถนนหรือบีอาร์ที อย่างไรก็ตาม แม้นโยบายเรื่องรถไฟฟ้าในครั้งจะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครลอกใคร

กล่าวว่า ในฐานะเป็นอดีต ส.ส.ไทยรักไทย ขอเรียกร้องสิทธิแทนประชาชนชาว กทม.บางส่วน ที่ถูกเลือกปฏิบัติจากนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะรถไฟฟ้า 7 สายของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ผ่านในหลายพื้นที่ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ของ ส.ส.พรรคไทยรักไทย โดยจะได้ รวบรวมข้อมูลมาแจ้งให้รับทราบภายในสองวันนี้ เราต้องขอความเป็นธรรมด้วย หากพรรคประชาธิปัตย์ ได้กลับมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าพื้นที่ไหนไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เอารถไฟฟ้าไปให้

แหล่งที่มา ไทยรัฐ