ป.ป.ช.ลั่นไม่กลัวลาโลก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดตามดวง ธานี สั่งคุมเข้มสถานที่ราชการ-บ้านคนสำคัญ100จุด

หลังเกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดบ้านเก่าของนายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เลขที่ 250 ถนนสิรินธร 2 แขวง-เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เมื่อกลางดึกวันที่ 11 กันยายน ซึ่งนายวิชาปักใจเชื่อว่าสาเหตุมาจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น ทาง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 กันยายนถึงความคืบหน้าของคดีว่าผู้เกี่ยวข้องกำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ ส่วนจะเป็นเกมใต้ดิน หรือเชื่อมโยงถึงคนมีสีใช่หรือไม่ ตนไม่รู้และไม่ขอให้ความเห็น

เมื่อถามว่า เหตุใดถึงมีการนำระเบิดมาก่อเหตุได้ง่ายๆ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า เดี๋ยวนี้จริยธรรมมันเสื่อม ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุกท้องที่ดูแลความปลอดภัยของสถานที่ราชการ และบ้านบุคคลสำคัญ อาทิ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี องคมนตรี คณะกรรมการองค์กรอิสระ ฯลฯ ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 11 กันยายนแล้ว ซึ่งมีจุดสำคัญอยู่เป็นร้อยจุด ส่วนจะต้องตรึงกำลังอารักขาความปลอดภัยถึงเมื่อไรนั้นไม่สามารถตอบได้ ต้องประเมินกันวันต่อวัน

สันติบาลสั่งกำลังรปภ.9ป.ป.ช.

ด้าน พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เปิดเผยถึงการอารักขากรรมการ ป.ป.ช.ว่า ได้ส่งตำรวจสันติบาลเข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้ทั้ง 9 ท่าน สำหรับคณะรัฐมนตรียังไม่มีการร้องขอมาจึงไม่ได้ส่งไปดูแล

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจาก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 อดีต ผบช.น. เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมานั้น ทางกองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) นำตู้แดงไปติดหน้าบ้านกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน เพื่อป้องกันเหตุในเบื้องต้น กระทั่งมีเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่บ้านเก่านายวิชา ทางเจ้าหน้าที่จึงเพิ่มความเข้มในการตรวจมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ จ.สมุทรปราการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง ผกก.สภ.พระประแดง ได้ตั้งป้อมยามพร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้ารักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 109/16 หมู่ 19 ซอยสุขสวัสดิ์ 66/8 แยก 2 ถนนสุขสวัสดิ์ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง ของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ตลอด 24 ชั่วโมง หลังมีเคยถูกคนร้ายดักรอเพื่อลอบสังหารมาแล้ว โดยมีนายตำรวจคอยติดตามตัวนายชาญชัยมาตลอดเช่นกัน

วิชัย"เชื่อโยง7 ตุลา-ไม่เอาการ์ด

ด้านนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดีสลายม็อบ วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งมีข่าวว่าตกเป็นเป้าถูกก่อเหตุเช่นเดียวกับนายวิชาเปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ปาระเบิดใส่บ้านเก่าของนายวิชา ปรากฏว่า ตำรวจส่งกำลังมาอารักขารอบบ้านเพิ่มเติม จากเดิมที่มีเพียงการติดตู้แดงให้สายตรวจมาคอยตรวจตราเท่านั้น นอกจากนี้ ตำรวจยังแนะนำให้ปรับมุมกล้องวงจรปิดรอบบ้านให้เหมาะสมด้วย

"ส่วนตัวไม่คิดว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เขาทำ ยิ่งทำก็เสีย คนทั่วไปไม่ยอมรับวิธีการป่าเถื่อน ที่ทำไปก็ได้แค่ความสะใจเท่านั้นแหละ" นายวิชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แรงจูงใจคนร้ายจะมาจากคดีสลายม็อบ 7 ตุลาฯหรือไม่ นายวิชัยกล่าวว่า ก็อาจมีความเป็นไปได้ โดยขณะนี้มีคดีที่ตำรวจตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา และอยู่ระหว่างรอ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลอีก 2-3 คดี แต่คิดว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไร เมื่อถามว่า ต้องการให้ตำรวจจัดทีมมาคอยอารักขาเหมือนกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิชัยกล่าวว่า ทางตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย แต่ถ้าจะจัดทีมมาคอยอารักขาเป็นบอดี้การ์ดก็ขอขอบคุณแต่คงจะปฏิเสธไป เพราะปกติไปไหนมาไหนคนไม่ค่อยรู้จักอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีตำรวจยศระดับนายพันเจาะฐานข้อมูลเพื่อหาที่อยู่ของกรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคน นายวิชัย กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่เข้าไปดูข้อมูลอาจจะแค่อยากติดตามคดี หรือหาช่องทางขอความเป็นธรรมต่อ ป.ป.ช.แต่ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนก็เป็นได้ อย่าไปมองอะไรแง่ร้ายนัก ไม่เช่นนั้นประสาทอาจรับประทาน กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ตนไม่คิดว่าจะมีใครมองแง่ร้าย และขณะนี้กำลังใจทุกคนก็ยังดีอยู่

ชี้มติป.ป.ช.เปลี่ยนไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาทให้ทนายความไปฟ้องร้อง ป.ป.ช.ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังให้ทีมกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติศึกษากรณีที่ พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ หรือ ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ "โอ๋ สืบหก" ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัย กรณีปล่อยให้ชายฉกรรจ์ทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่เดินทางไปฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ แล้วศาลตัดสินให้ พ.ต.อ.ธนายุตม์กลับเข้ารับราชการตามเดิมมีความเห็นอย่างไร นายวิชัยกล่าวว่า การฟ้องร้องเป็นสิทธิของ พล.ต.อ.พัชรวาทที่สามารถกระทำได้ แต่ตามกฎหมายเมื่อ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลคดีให้แล้วถือเป็นสิ้นสุด ไม่สามารถฟ้องเปลี่ยนแปลงเนื้อหาการชี้มูลได้อีก แต่หากเป็นฟ้องร้องว่ากระบวนการพิจารณาชี้มูลความผิดไม่ถูกต้องสามารถทำได้

"มติ ป.ป.ช.เมื่อชี้มูลไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอำนาจ หากไม่ลงโทษตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล ก็อาจจะถูกลงโทษฐานละเว้นได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีข้อยกเว้นอยู่ หากจะคุยต้องอีกยาว เพราะยังไม่เคยมีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นมาก่อน"นายวิชัยกล่าว

ไม่ขอเพิ่มตำรวจวันชี้คดีพระวิหาร

ด้าน น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีออกมติสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยขัดรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการชี้มูลคดีดังกล่าวในวันที่ 22 กันยายน ว่า คงไม่จำเป็นต้องขอกำลังตำรวจมาดูแลสำนักงาน ป.ป.ช. หรือบ้านของกรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคนเพิ่มเติม เพราะตนเชื่อว่าความแค้นของคนมีเวลาจำกัด หาก ป.ป.ช.อยู่เฉยๆ ไม่ไปตอบโต้ หรือต่อความยาวสาวความยืด ทุกอย่างก็จะยุติไปเอง จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยตอบโต้ใคร หรือระบุชื่อใครโดยตรง เพราะถือว่าเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐ จะไม่ลดตัวไปตอบโต้ผู้ถูกกล่าวหา

ปปช.ชี้คดี"สงกรานต์-7ตุลาฯ"ต่างกัน

น.ส.สมลักษณ์กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขอให้ไต่สวนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) กรณีที่สั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 12-14 เมษายน โดยยกกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตนายกฯและตำรวจในคดีสลายม็อบวันที่ 7 ตุลาคม 2551 มาเปรียบเทียบว่า ขณะนี้คงตอบลำบากว่าคดีทั้ง 2 จะลงเลยในลักษณะเดียวกันหรือไม่ เพราะกว่าที่ ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิด จะต้องไต่สวนพยานหลักฐานทุกอย่าง ดูข้อเท็จจริงว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ในเวลาไหน และที่ไหนบ้าง ดังนั้นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบไม่ใช่ยกอีกคดีมาเปรียบเทียบกับคดีหนึ่ง เพราะรายละเอียดหรือข้อเท็จจริงอาจจะแตกต่างกันก็ได้