กรุงเทพฯ 10 ก.ย.- ผบ.ตร. ฟ้อง 8 ป.ป.ช.เสียงข้างมากปฏิบัติหน้าที่มิชอบไต่สวนชี้มูลสลายม็อบเสื้อเหลือง 7 ต.ค. ขัดกฎหมาย ไม่เปิดโอกาสให้นำพยานเข้าสอบเพิ่ม แถม “วิชา” ขาดคุณสมบัตินั่งเก้าอี้กรรมการ ศาลนัดไต่สวน 14 ธ.ค.นี้
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มอบอำนาจให้ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ
เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. , นายกล้านรงค์ จันทิก นายใจเด็ด พรไชยา นายประสาท พงษ์ศิวาภัย นายภักดี โพธิศิริ นายเมธี ครองแก้ว นายวิชา มหาคุณ และ นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. เสียงข้างมาก 8 เสียง ที่มีมติชี้มูลความผิด คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาฯ วันที่ 7 ต.ค.51 เป็นจำเลยที่ 1- 9 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า ระหว่างเดือน ต.ค.51 - ก.ย.52 จำเลยทั้ง 9 ร่วมกันวินิจฉัยชี้มูลความผิดโจทก์
โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 86 (2) เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ซึ่งมีชื่อถูกตรวจสอบด้วย ได้ยื่นฟ้องพวกจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ไม่ยุติการสอบสวนเพื่อชี้มูลความผิด หลังจากที่คดีดังกล่าวมีผู้ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ตัวโจทก์ และ พล.ต.ต.อำนวย กับพวกไว้แล้ว นอกจากนี้จำเลยทั้ง 9 ยังกระทำการขัดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 19 (3) และมาตรา 26 (1) ที่ไม่รวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน หลังจากที่โจทก์ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ไต่สวนพยานเอกสารเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันระหว่างการไต่สวนเรื่องนี้เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 52 โจทก์ยังได้ยื่นหนังสือคัดค้านคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช.ของ นายวิชา มหาคุณ ด้วยว่าขาดคุณสมบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 11 (1)
เพราะระหว่างดำรงตำแหน่ง นายวิชา ประกอบอาชีพอิสระอื่น เป็นอาจารย์บรรยายพิเศษหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และที่สำคัญในการไต่สวนชี้มูลความผิดจำเลยทั้ง 9 ยังได้นำเอกสารการตรวจสอบกรณีดังกล่าวของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาพิจารณาประกอบ ทั้งที่เอกสารดังกล่าวไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 ข้อ 22
การที่พวกจำเลยได้ร่วมกันวินิจฉัยชี้มูลความผิดโจทก์ ในการสั่งสลายการชุมนุม และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่าโจทก์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าทันที
หลังถูกชี้มูลความผิด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และต้องพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ก่อนเกษียณอายุ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ 2172 /2552 โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ด้าน นายบัญชา กล่าวว่า นอกจากศาลกำหนดวันนัดไต่สวนแล้ว เบื้องต้นยังได้กำหนดนัดคู่ความเพื่อไกล่เกลี่ยกัน ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งตนจะแจ้งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ทราบต่อไป แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะตัดสินใจร่วมไกล่เกลี่ยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง .- สำนักข่าวไทย