เดือนเต็มดวงฮึดสู้ฝ่ากระแสข่าว(อื้อซ่า) ขอพิสูจน์อีกตั้งชิง นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่

หลังประสบทอร์นาโดข่าวนานากระแสซัดกระหน่ำชีวิตในช่วง 2 ปีหลังมานี้  ทั้งจากพิษการเมืองท้องถิ่นที่ร้อนแรงไม่แพ้ระดับประเทศ

จากการถูกศาลปกครองจังหวัดเชียงใหม่   วินิจฉัยขาดคุณสมบัติเป็นเหตุต้อง"ระเห็จ"จากตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่   ไปแบบไม่ที่ไม่ทันตั้งรับ ถึงขนาดทำให้ผู้หญิงแกร่งต้องหลั่งน้ำตายอมลาออก  ไหนจะยังเรื่องส่วนตัวที่ทยอยทับถมให้ชื่อเสียงของเธอต้องด่างพร้อยเป็นระลอกๆ  แต่ไม่ได้ได้ทำให้ "ร้อยเอกหญิง ดร. เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่" หรือ ที่คุ้นเคยกันในชื่อ "ดร.แป้ง" ท้อถอยแม้แต่น้อย 

เวลาผ่าน...ทำให้หัวใจของ เดือนเต็มดวงแข็งแรงขึ้น สดใสขึ้น  ยิ้มได้อย่างบริสุทธ์ใจมากขึ้น

เมื่อเธอตัดสินใจลงสมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่อีกครั้ง ในนามผู้สมัครอิสระ ที่ไม่ผูกขาดกับพรรคการเมืองใด  เพื่อความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเชียงใหม่ ให้เป็นไปตาม สโลแกน "คงเสน่ห์เชียงใหม่ ทันสมัยสวยงาม" ด้วยหวังครองใจคนเชียงใหม่ ไว้วางใจให้เธอได้กลับมา "ดูแล"อีกครั้ง

การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครเชียงใหม่  จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2552

ซึ่งในคราวนี้มีผู้สมัครถึง 9 คนด้วยกัน เดือนเต็มดวงกล่าวว่า ทุกคนล้วนมีความตั้งใจและเอาจริงเอาจังกับการเลือกตั้งครั้งนี้มาก อาจเป็นด้วยว่า  มีคนสนใจการเมืองท้องถิ่นมากขึ้น ประกอบกับในปีนี้ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณปี 53 ที่จะนำมาใช้พัฒนาเมืองเชียงใหม่ถึง  1.8 หมื่นล้าน

"ตอนนี้เชียงใหม่อยู่ที่จุดเปลี่ยน การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีจะไม่เมือนยุคที่ผ่านมา เพราะมันจะอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจอะไรเยอะแยะ มากมาย  งบประมาณที่ลงไปเยอะแยะ หรือจุดที่เปลี่ยนระหว่างเมืองเชียงใหม่ จะทำอย่างไรให้อนุรักษ์คงเสน่ห์ของเมืองเชียงใหม่ไว้ได้  สมดุลกับความทันสมัยที่จะเข้ามาอย่างสวยงาม สิ่งเหล่านี้ถ้าเชียงใหม่ไม่ได้นายกเทศมนตรีที่มีความกล้าที่จะยืนอยู่บนความถูกต้องที่จะทำงานอย่างสุจริตโปร่งใส และขัดขวางกลุ่มต่างๆ ที่อยู่มานาน โดยไม่ปล่อยให้เกิดโครงการที่ไม่สุจริต หรือหน้าตาของเมือง มันจะเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับ" เดือนเต็มดวงกล่าว

และจากการที่ ดร.แป้ง ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีเมื่อปี 2550 นั้นถือเป็นผู้หญิงคนแรกของเชียงใหม่ที่ฝ่ากระแสกลุ่มดั้งเดิมที่อยู่ในท้องถิ่น

และกลุ่มผลประโยชน์ดั้งเดิมที่ทำงานก่อนหน้านั้นมาได้  โดยเธอมองว่า งานที่ยากสำหรับนักการเมือง คือ ยกระดับมาตรฐานของการเมืองท้องถิ่น ซึ่งต้องยืนหยัดต่อสู้พร้อมเจอการเล่นเกมนอกตำรา ที่ต้องกล้าเผชิญที่ต้องทำหน้าที่อย่างโปร่งใสและหยุดยั้งกลุ่มผูกขาดที่หากิน หาประโยชน์ส่วนตนกับเงินงบประมาณท้องถิ่น

"ไอ้สิ่งเหล่านี้เพราะกล้าที่จะทำ เพราะการเลือกตั้งว่ายากแล้วนะ พอเข้ามาแล้วจะยกระดับมันยากกว่า  ก็มันเจอกลุ่มนั้น กลุ่มนี้เยอะซะจนตัวเราเองรู้สึกว่า ต้องมีไปขัดขวางคนนู้นคนนี้เยอะ ไอ้ที่ยากสุด คือ การเล่นนอกตำรา แบบใต้ดิน ซึ่งแป้งเองคิดว่า ทุกคนทราบดีเจอมาเยอะมากทุกรูปแบบ เราเสียอก เสียใจ ท้อแท้ จะออกไปไม่อยู่ในการเมือง" เดือนเต้มดวงกล่าวและว่า  ถ้าครั้งนี้ได้เข้าไปสู่สนามการเมืองท้องถิ่นอีกก็จะไม่ท้อ เพราะเราเจอมาแล้วก็ไม่หยุด ยังกล้าที่จะลงเลือกตั้งต่อไป