เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า
ขณะนี้ยังรอหนังสือชี้แจงคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มายังนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกชี้มูลความผิดกรณีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 และในวันนี้นายกรัฐมนตรีจะเชิญตนไปหารือเรื่องดังกล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ตามกฎหมายปฏิบัติได้ 2 ทางคือ ปลด และ ไล่ออก
ซึ่งเชื่อว่าหากมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นพี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท แน่นอน พร้อมย้ำไม่เคยตกลงให้ พล.ต.อ.พัชรวาท อยู่จนเกษียณอายุราชการ แลกกับการจัดตั้งรัฐบาล
"วันนั้นผมไม่ได้พูดเรื่องเงื่อนไขอะไรเลย สิ่งที่ผมไปเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร มาเป็นรมว.กลาโหม เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่รู้งานทางด้านการทหารเป็นอย่างดี และผมมีความเคารพนับถือ" นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช.ได้ออกมาย้ำว่า เมื่อมีคำวินิจฉัยแล้ว ผู้ที่ถูกชี้มูลควรจะหยุดการปฏิบัติหน้าที่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไปให้ความเห็นอะไรที่ไม่ตรงกับ ป.ป.ช.ไม่ได้
แต่ยืนยันว่ารัฐบาลต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย กรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะ พล.ต.อ.พัชรวาท แต่ยังมี พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ด้วย รัฐบาลต้องแยกดำเนินการ อย่าง พล.ต.ท.สุชาติ ดำเนินการในขั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนพล.ต.อ.พัชรวาท เป็นอำนาจของนายกฯ ระหว่างที่ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัย ทั้งสองท่านยังทำงานต่อไป
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวของทางตำรวจ เช่น ชมรมต่าง ๆ จะออกมาเคลื่อนไหวเพราะไม่พอใจกับการชี้มูลในครั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนว่าอย่าเคลื่อนไหวเลย
ตำรวจมีหน้าที่ดูแลกฎหมาย รักษากฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ตนกราบเรียนไปถึงพี่น้องตำรวจทั้งกลายว่าเราทำตามกฎหมาย มีกฎเกณฑ์กติกาอย่างนี้เราต้องทำตาม ตำรวจคือผู้รักษากฎหมายถ้าตำรวจไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ กติกาเสียเองก็คงไม่ดี ไม่สวยงาม