นักวิชาการนิเทศจุฬาฯให้ฉายา´รัฐบาลเลี้ยงแกะ´

"2อาจารย์นิเทศ จุฬาฯ" วิพากษ์พฤติกรรมรัฐบาลไทยรักไทย เข้าข่ายได้ฉายา"รัฐบาลเลี้ยงแกะ" เหตุสร้างข่าวกลบข่าว เบี่ยงเบนภาพลบตัวเองบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้หมดความเชื่อถือ ระบุฉายภาพกรณีลอบสังหารจ้าจนพร่ามัว

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นางพิรงรอง รามสูต รณะนันทน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีข่าวการจับกุมรถซุกระเบิดลอบสังหารนายกรัฐตรีว่า ผลจะเป็นอย่างไรต้องรอการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ต้องถือว่าตัวผู้นำกำลังเผชิญกับวิกฤตศรัทธาถึงขั้นสูงสุด เพราะว่าแม้จะจับกุมขบวนการลอบสังหารนายกฯด้วยวิธีการโหดร้าย

ทั้งนี้ ดังที่ปรากฏผลสำรวจความเห็นของประชาชนพบว่าส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าเป็นจริง เป็นเพราะที่ผ่านมารักษาการ นายกรัฐมนตรี และบุคคลในรัฐบาลนี้ สร้างข่าวขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบน กลบกระแสที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่เป็นจริง คนจึงไม่เชื่อ เป็นรัฐบาลเด็กเลี้ยงแกะ ที่โกหกคนมาตลอด ว่ามีหมาป่ามากินแกะ พอสุดท้ายหมาป่ามาจริงๆก็ไม่มีใครเชื่อเสียแล้ว เรื่องนี้โทษใครไม่ได้ ต้องโทษรัฐบาลที่พูดโกหกบ่อยเกินไป

"แต่หากเราย้อนกลับดูพฤติกรรมของรัฐบาลชุดนี้ ก็จะพบว่ามีกระบวนการสร้างวาระแห่งชาติ กระพือข่าวขึ้นมากลบข่าว เบี่ยงเบนประเด็นความสนใจของสังคม ออกจากความล้มเหลวในการบริหารงานของตัวเองหลายครั้ง มีผลวิจัยหลายชิ้นยืนยัน ทำให้มองว่าข่าวลอบสังหารนายกฯครั้งนี้อาจจะเป็นแค่การปั่นข่าวขึ้นมา เหมือนที่เคยทำมาแล้ว ถ้าปั่นข่าวขึ้นมาจริงถือว่าแย่มาก เพราะการทำอย่างนี้ได้ผูกโยงเอาความเสี่ยงนานัปการให้เกิดกับประเทศ หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ความเชื่อมั่นในการลงทุน ประเทศชาติต้องสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลจากพฤติกรรมเช่นนี้ของรัฐบาล นอกจากนี้ทำให้ความแตกแยกในสังคมไทยมีมากขึ้น เนื่องจากคนที่สนับสนุนนายกฯ ก็จะเกลียดชังกลุ่มต่อต้านมากขึ้นไปอีก เพราะเห็นว่ากำลังใช้วิธีการโหดร้ายฆ่าผู้นำของเขาอาจารย์นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว

นางพิรงรอง กล่าวอีกว่า แม้ว่าข่าวลอบสังหารเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ในแง่ของข่าวแล้ว ถือว่ารัฐบาลจงใจปลุกปั่นเพิ่มเติมกระแสข่าวนี้ให้ใหญ่โตเกินไป เป็นการสร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติ ในส่วนของประชาชนผู้รับข่าวสาร จึงอยากเตือนควรจะต้องรู้เท่าทันสื่อ ด้วยการเปิดรับข้อมูลจากหลายสื่อ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์และอินเตอร์เน็ต เพราะหากเชื่อแต่ข่าวจากโทรทัศน์ ก็จะทำให้ได้รับรู้ความจริงเพียงด้านเดียว คือความจริงที่รัฐบาลต้องการบอกเท่านั้น

ด้าน น.ส.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า จากการติดตามการบริหารประเทศตลอด 5 ปีของรัฐบาลนี้ พบว่ามีการสร้างข่าวกลับข่าวร้าย หรือปั่นข่าวบางเรื่องให้ใหญ่ขึ้นมา เพื่อสร้างความเห็นใจ

ตั้งแต่เรื่องครอบครัว เช่น การยกมือไหว้สื่อเรียกร้องความเห็นใจ หลังจากที่ถูกกล่าวหาว่าบุตรสาวเข้ามหาวิทยาลัยด้วยความไม่ชอบมาพากล หรือในขณะที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ก็ประกาศปราบมาเฟียโบ๊เบ๊ ทำให้ข่าวอภิปรายเป็นข่าวรองลงไป วิธีการหลบเลี่ยงการโจมตีของรัฐบาล มีหลายวิธีด้วยกัน ตั้งแต่การปกปิดข้อมูลเอาไว้ในมุมมืด หรือถ้าไม่เช่นนั้นก็สร้างภาพให้ใหญ่โตเกินจริง เหมือนส่องสปอตไลท์แสงจ้าใส่ตาประชาชน ทำให้ตาพร่ามัว มองไม่เห็นรายละเอียด ทำให้พลาดในข้อเท็จจริงที่สำคัญ

เป็นการนำข้อมูลออกมาวางผ่านสื่อจำนวนมาก ทำให้ประชาชนดูว่าโปร่งใส แต่ในข้อมูลเหล่านั้น อาจจะไม่มีความจริงอยู่เลย เห็นได้จากการแถลงข่าวของตำรวจ ที่พยายามเร่งเปิดเผยข้อมูลต่าง ถึงกับรีบเอาวิดิโอเทปคำรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหามาเปิดเผย จนทำให้ถูกคัดค้านมากมาย ทั้งๆที่คดีสำคัญระดับการลอบสังหารผู้นำ พนักงานสอบสวนต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษในแต่ละขั้นตอน

"ข้อมูลที่น่าสนใจคือ มีการสำรวจความเห็นประชาชน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าข่าวลอบสังหารเป็นเรื่องจริง เพราะว่าประชาชนมีบทเรียนที่ถูกรัฐบาลควบคุม จัดการวาระข่าวมาตลอด ถูกปิดหูปิดตาสะสมมามาก จนไม่อยากเชื่อรัฐบาล มีการสร้างความเห็นใจผู้นำ ทั้งที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ทำให้คนไม่ไว้วางใจ" นักวิชาการจุฬาฯ กล่าว

แหล่งข่าว กรุงเทพธุรกิจออนไลน์