ซีไรต์ปีนี้ การเมืองแทรกแซง จริงหรือ?

รัฐบาลไทยรักไทยเจอข้อหาแทรกแซงโผโยกย้ายนายทหารประจำปี ถึงขนาด 4 นายพลบุกฟ้อง ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

เปิดเกมพาวเวอร์เพลย์ตึงเครียด

ล่าสุด พรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้อยู่ในสถานะมีอำนาจทางการเมือง ก็ยังไม่วายเจอข้อหาแทรกแซงการประกาศผลนิยายซีไรต์

เพราะคนที่ได้รางวัลชื่อ งามพรรณ เวชชาชีวะ ดันพ่อแม่เดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และบังเอิญประธานคณะกรรมการซีไรต์ปีนี้คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์

สรุปว่า การเมืองเข้าที่ไหนวุ่นที่นั่น

แต่ขนาดที่นักการเมืองกลายเป็นตัวน่ารังเกียจในทุกวงการ เรื่องของอำนาจมันหอมหวาน ไม่มีใครอยากปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ

ก็เห็นกันชัดๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ไปไหนมาไหนแต่ละทีต้องสลับรถนั่ง ถอดทะเบียนพรางตาหน่วยล่าสังหาร

มีเงินเจ็ดหมื่นกว่าล้าน แต่หาความสุขใส่ตัวไม่ได้

เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศแท้ๆ แต่ต้องคอยหลบๆซ่อนๆหนีตาย ใช้ชีวิตไม่เป็นปกติสุขเหมือนคนทั่วไป

เพราะคำว่า อำนาจ ตัวเดียว

อย่างไรก็ตาม มาถึงนาทีนี้ก็มีแต่ไอ้ห้อยไอ้โหนข้างตัวแค่นั้นที่ดันหลังให้ลูกพี่สู้ตาย

นอกนั้นโดดหาที่กำบังกันเป็นแถว

โดยเฉพาะนักเลือกตั้งอาชีพ เหล่าแม่ทัพไทยรักไทยที่เชี่ยวชาญทิศทางลม รู้ธรรมชาติของกระแสการเมืองช่วงน้ำขึ้นน้ำลง ยี่ห้อ สมศักดิ์ เทพสุทิน ระดับ พินิจ จารุสมบัติ หรือแม้แต่ เจ๊หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เด็กสร้างของนายใหญ่ ก็ไม่ยอมหลุดขบวน

อย่างที่เห็นออกอาการกันอยู่ บรรดาหัวหน้าวัง บิ๊กๆในพรรคไทยรักไทยเตรียมโปรแกรมเที่ยวระหว่างพัก สมัครใจเว้นวรรคเก้าอี้รัฐมนตรีกันเป็นแถว

ไม่มีใครอยากเปลืองตัว เปลืองเงิน

ถึงจะยังไม่มีหน่วยกล้าตาย อาสาพูดกับนายใหญ่ตรงๆ

แต่มองตาก็รู้ใจ คำตอบสุดท้ายของนักเลือกตั้งอาชีพในพรรค ไทยรักไทย คือ เว้นวรรค ลุ้นให้ พ.ต.ท.ทักษิณหยุดพักเครื่องชั่วคราว

เข้าอู่ปะผุแล้วรอเวลากลับมาใหม่

และคิดอ่านกันถึงขนาดที่ว่า จะผ่อนคันเร่งปล่อยให้ เดอะมาร์ค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แซงหน้าหาฝัน

เข้าป้ายได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีสมใจอยาก

ไม่ใช่ใจดีใจกว้างอะไร

แต่ภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลเฉพาะกาล สภาฯใหม่มีเวลาปีกว่าๆในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปการเมืองรอบสองก็ต้องเลือกตั้งใหม่

ไม่มีใครเบี้ยวได้

โฟกัสขวากหนามที่ดักอยู่ข้างหน้า หนักสุดเลยคือด่านเศรษฐกิจที่ชะตาผูกติดไว้กับวิกฤติน้ำมัน ในตลาดโลก ยังมีแนวโน้มทะยานขึ้นต่อเนื่อง เบนซินลิตรละ 30 บาท นั่นมันน้อยเกินไป

ยังไงคนไทยก็หนีไม่พ้นยุคข้าวยากหมากแพง

ขณะที่ภาครัฐก็ตกอยู่ในสภาพบักโกรก งบประมาณสะดุด เงินสดขาดสภาพคล่อง ขนาดตอน ทักษิณ อยู่ยังถังแตก

ถึงมือ อภิสิทธิ์ ก็คงหมดตูดแล้ว

แนวโน้มต้องขึ้นภาษีรีดเลือดกับปู

ใครเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนั้นก็เตรียมล้างหูรอได้ โดนก่นด่าเละแน่

ยังไม่พูดถึงสถานการณ์ไฟใต้ที่บานปลายกลายเป็นปัญหาก่อการร้าย เงื่อนไขเกินกว่าจะเอาอยู่ง่ายๆ

ที่สำคัญเลยก็คือ กระแสต้านของกองเชียร์ ทักษิณ ที่จ้องกดดัน รอวันเอาคืน

พร้อมโห่ไล่ทันที ถ้า อภิสิทธิ์ โชว์ฝีมือไม่เข้าตา.

ทีมข่าวการเมือง

แหล่งข่าว : ไทยรัฐ