นายสมชาย กล่าวว่า ก่อนมีชี้มูลได้ขอไปให้การเพิ่มเติม และรับทราบเอกสารหลักฐานที่ ป.ป.ช.ใช้กล่าวหา ตามสิทธิขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้รับอนุญาต
ป.ป.ช.บอกว่าเป็นเอกสารลับ จึงได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งได้มีหนังสือตอบกลับมา ให้ ป.ป.ช.นำส่งเอกสาร และเข้าพบคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารในวันที่ 8 ก.ย. นี้ แต่ ป.ป.ช.ไม่ได้ส่งทั้งหลักฐาน และไม่รอเข้าพบกรรมการข้อมูลข่าวสาร ทั้งที่ ป.ป.ช.รับทราบมานานแล้ว กลับเร่งรีบชี้มูล
“ผมคิดว่าเป็นการทำงานที่ไม่สนใจองค์กรอื่น และยังเป็นการชี้มูลโดยไม่รอฟังคำสั่งศาลปกครอง ที่ผมให้ทนายความไปยื่นขอให้วินิจฉัยว่ามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขอทราบข้อมูลที่ ป.ป.ช. ใช้กล่าวหาผมหรือไม่ โดยทราบว่าระหว่าง ป.ป.ช.พิจารณานั้น ศาลอยู่ระหว่างแจกสำนวนให้กับองค์คณะ” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย ย้ำว่า ไม่ได้มีเจตนามุ่งหมายจะโต้แย้ง มุ่งร้าย หรือโจมตีใคร และไม่ได้เป็นการแก้ตัว
เพียงแต่ต้องการให้ประชาชนที่ติดตามข่าวสารได้ทราบข้อเท็จจริงว่า ตนไม่ได้ทำสิ่งชั่วร้าย และมั่นใจว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ยืนยันว่าที่ประชุม ครม. คืนวันที่ 6 ตุลาคม ไม่มีการสั่งการใด ๆ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย จึงไม่น่าจะสั่งการได้ “เช้าวันที่ 7 ต.ค. ทราบว่ามีการยิงแก๊สน้ำตา เพื่อเปิดทางเข้ารัฐสภา และมีการแถลงนโยบาย ผมแถลงนโยบายเสร็จ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ให้ออกจากรัฐสภา เพราะมีข่าวผู้ชุมนุมจะเข้ามาทำร้าย ตำรวจบอกว่า จะใช้แก๊สน้ำตายิงเปิดทาง ผมยังบอกไปว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ ผมยอมเสียศักดิ์ศรี ปีนกำแพงข้ามไปฝั่งพระที่นั่งวิมานเมฆ ไม่ได้อำนาจบาตรใหญ่อะไร เมื่อปีนข้ามไปก็ยังออกไปไม่ได้ เพราะผู้ชุมนุมล้อมทุกด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดเฮลิคอปเตอร์มารับ แต่ยังมีการปาขวดและไม้ติดตามมาด้วยซ้ำ” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า การใช้แก๊สน้ำตาเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของเหตุการณ์ในขณะนั้น
ไม่ได้หมายความว่าผิดหรือไม่ เพราะเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ในการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่ต่อมากลับถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ได้เรียกประชุม ครม. และมีมติให้สลายการชุมนุม มีการนำบันทึกดังกล่าวเสนอต่อ ป.ป.ช. ด้วย
“ผมอ่านแล้วยังงง เพราะประชุมคืนวันที่ 6 ต.ค. สรุปแค่ว่า ให้ ครม.ไปรอฟังข้อเท็จจริง ที่อาคารรัฐสภา และรอฟังคำสั่งของประธานรัฐสภา ไม่มีการสั่งให้สลายชุมนุมใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนข้อหาที่ ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ผมไม่ห้ามตำรวจใช้แก๊สน้ำตานั้น ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตลอด เป็นเรื่องของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจรักษาความสงบเรียบร้อย และผมไม่มีอำนาจจะไปสั่งจับกุมใครทั้งนั้น” นายสมชาย กล่าว .- สำนักข่าวไทย