อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. พ่อเมือง ซูเปอร์ พีอาร์แมน

นั่งแท่นผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.)


มาครบสองขวบปี "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" นักการตลาดที่ผันตัวเองสู่สนามการเมือง ได้ประกาศสารพัดโครงการที่จะพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองน่าอยู่ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ตามประสานักบริหารหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง

แต่ละโครงการช่วยสร้างคะแนนนิยม


ในตัวพ่อเมืองคนนี้ ตลอดจนพรรคประชาธิปัตย์ที่สังกัดอยู่ไม่น้อย สมกับที่เคยเป็นคนโฆษณา และนักการตลาด รู้จักจังหวะจะโคนในการโหนกระแส

เช่นเมื่อครั้งน้ำมันแพงใหม่ๆ


ช่วงปี 2548 ก็ลุกออกมาประกาศว่า กทม.จะรับเป็นเจ้าภาพขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม ในส่วนต่อขยายจากสถานีตากสินถึงแยกตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันสร้างทางยกระดับไว้พร้อมแล้วเหลือเพียงวางรางและสถานีเท่านั้น เพื่อให้การเดินทางจากกรุงเทพฯข้ามไปฝั่งธนฯ สะดวก รวดเร็วขึ้น

เพียงแค่แผนเท่านั้น


ก็ได้รับเสียงเฮจากคนฝั่งธนบุรีท่วมท้น จนซีกรัฐบาลต้องเข็นโครงการรถไฟฟ้า 7 สาย 7 สี ออกมาประชัน เพื่อไม่ให้คะแนนไหลมาทาง ปชป. อย่างไรก็ตาม ยกแรกนี้ อภิรักษ์ และ ปชป.ก็ได้ใจคนกรุงเทพฯและคนฝั่งธนบุรีไป

และล่าสุดก็รวบแผนตัดถนน


เพื่อเปิดที่ตาบอดทั่วกรุงเทพฯ ที่มีอยู่เดิมบวกกับแผนใหม่ที่จัดทำขึ้นรวมแล้วๆ ในยุคของผู้ว่าฯ กทม.ชื่อ อภิรักษ์ จะมีการตัดถนนใหม่มากถึง 100 สายทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมตรอก ซอกซอยต่างๆ รองรับการขยายตัวของเขตเมือง ขณะเดียวกันแก้ปัญหาจราจรควบคู่กันไป

แม้จะเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ต่อส่วนรวม


แต่ก็เป็นโครงการที่เขย่าความรู้สึกของกรุงได้ไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่มีบ้านอยู่ในแนวเส้นทางขยาย คงต้องดูว่า ผู้ว่าฯอภิรักษ์ "หล่อเล็ก" ของพรรคประชาธิปัตย์จะพลิกตำราวิชาโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เคยทำมาสมัยอยู่วงการเอเยนซี่ มาสื่อสารให้ชาวบ้านเข้าใจและให้ความร่วมมือกับ กทม.ได้สักแค่ไหน

นอกจากแผนแก้ปัญหาจราจรแล้ว


ผู้ว่าฯกทม.คนปัจจุบันยังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ในการยกระดับการบริการให้กับ"คนกรุง" ในแนวดิลิเวอรี่ โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่เขตออกไปให้บริการตามบ้าน ต่อไปใครจะจดทะเบียนสมรส หรือแจ้งเปลี่ยนเลขที่บ้าน ไม่ต้องนั่งรถมาที่เขตให้เสียเวลา เพียงแค่กริ๊งมา

ก็จะมีเจ้าหน้าที่เขตไปให้บริการถึงที่


(เหมือนกับสั่งพิซซ่าเลยนะท่านผู้ว่าฯ) ช่วงแรกจะทำ 7 เขต นำร่องก่อน จากนั้นอีก 3 เดือนจะมีการประเมินผล

ไม่เพียงแต่บริการแบบดิลิเวอรี่ ยังใช้กลยุทธ์การตลาดแบบโมบาย มาร์เก็ตติ้งมาใช้ โดยยกสำนักงานเขตย่อยๆขึ้นไปเปิดบริการอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ชื่อว่า "BMA Express Service"

อำนวยความสะดวกให้กับ "คนกรุง" ซึ่งทุกวันนี้นิยมใช้รถไฟฟ้า บีทีเอส แทนรถบ้าน รถแท็กซี่ หรือรถเมล์ เพราะสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องหงุดหงิดกับรถติด สาขาแรกเปิดที่สถานี บีทีเอส

สยามพารากอน


โดยเปิดบริการทุกวันไม่หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 20.00 น ไม่มีพักเที่ยง

หลังจากนี้จะเร่งเปิด "BMA Express Service" สาขาต่อไปที่สถานี บีทีเอส หมอชิต และหน้าห้างเอ็มโพเรียม ฉะนั้น ต่อไปใครที่ขอทำบัตรประชาชนครั้งแรก และต่ออายุ หรือคัดสำเนาทะเบียนบ้าน รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อกับหน่วยราชการที่สำนักงานเขต ก็ไม่ต้องวิ่งไปที่เขตอีกเช่นกัน แค่เดินขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส ชีวิตก็โอเคแล้ว

แต่การยกระดับบริการ


จะพัฒนาเพียงรูปแบบการบริการคงบรรลุความสำเร็จยาก ผู้ว่าฯอภิรักษ์ จึงเสริมการอบรมและพัฒนาข้าราชการ กทม.พันธุ์ใหม่ขึ้น ให้เป็นข้าราชการที่มีส่วนร่วมในการให้บริการมากขึ้น โดยกำหนดไว้ให้เป็นภารกิจที่ต้องทำและทำควบคู่กับการให้บริการรูปแบบใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นตามมา

ส่วนผลตอบรับ


ที่กลับมาจากนโยบายยกระดับบริการให้กับ"คนกรุง" เที่ยวนี้ พ่อเมือง กทม.เชื่อว่าคงมีผลต่อภาพลักษณ์ในเชิงบวกไม่น้อย




ถ้ารู้จักประคองตัว


รักษาภาพลักษณ์ใสสะอาดได้ต่อไป อนาคตมีสิทธิ์ยกระดับตัวเองขึ้นมาสู่สนามการเมืองระดับชาติ เคียงบ่าเคียงไหล่กับ"หล่อใหญ่" อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และดีไม่ดีมีสิทธิ์คั่วเก้าอี้รัฐมนตรีได้แบบใสๆ

แหล่งที่มา ฐานเศรษฐกิจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์