ยันอีก2สัปดาห์มีประชุม ก.ต.ช.ยืดเยื้อไม่ได้แล้ว
นายกรัฐมนตรี ความเห็นไม่ตรงกับเลขาฯ เรื่องเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ เชื่อ “อภิสิทธิ์” เสนอ “พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” อย่างเดิม หวังให้ ก.ต.ช.แต่งตั้งให้เสร็จเรียบร้อยในการประชุมครั้งที่ 2 ที่จะมีขึ้นในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า เพราะหากมีการประชุมครั้งที่ 3 อาจเกิดปัญหาตามมาได้ ขณะที่ “นิพนธ์” ขอให้ส่งชื่อ “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย” ให้ก.ต.ช.พิจารณาด้วย แต่นายกฯอ้าง กฎหมายกำหนดให้เสนอได้แค่ชื่อเดียว จนเลขาฯอึดอัดใจถึงกับบ่นว่าพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ด้าน “ชวรัตน์” ปัดไม่เคยบอกว่าภูมิใจไทยสนับสนุน “บิ๊กจุ๋ม” ส่วน “เพื่อไทย” เล่นแรง ยื่นหนังสือถึง “มาร์ค” ให้ตรวจสอบ “กำพืด” คนใกล้ชิด “ศิริโชค โสภา” ที่กล่าวหา สตช.ซื้อตำแหน่งโดยไม่มีหลักฐาน หลังขุดประวัติพบพี่ชายเคยถูกศาลสั่งจำคุก 20 ปี คดีเบี้ยวหนี้แบงก์หลายร้อยล้าน
กรณีกระแสข่าวการเสนอชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่ ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เพียงชื่อเดียวให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) พิจารณาแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ที่เกษียณอายุในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิ การนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง นายชวรัตน์ ชาญวีร กูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยากให้เสนอชื่อ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม อีกชื่อให้ ก.ต.ช.พิจารณาด้วยนั้น
ต่อมา เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 30 ส.ค. ที่บ้านพักนายกรัฐมนตรี ซอยสุขุมวิท 31 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจากพรรคภูมิใจไทยที่ อ้างว่าได้รับสัญญาณจาก นายนิพนธ์ พร้อม พันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในการสนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ว่า ตนได้คุยกับนายนิพนธ์เป็นระยะ ๆ แต่ในเรื่องนี้ตนมีข้อมูลอยู่หลายด้านและได้ฟังข้อมูลทุกด้าน สำหรับการประชุม ก.ต.ช. ครั้งที่จะถึงนี้ น่าจะมีขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ เพราะตนไม่อยากให้ล่าช้า โดยตนพยายามดูกำหนดเวลาต่าง ๆ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ทราบว่า ผบ.ตร.จะประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ สำหรับจุดยืนของตนไม่เปลี่ยนแปลง โดยตนต้องทำเพื่อส่วนรวม ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถ้อยคำตามกฎหมาย ตนต้องเสนอชื่อผู้ได้รับการพิจารณาเป็น ผบ.ตร.เพียงชื่อเดียว ซึ่งตนก็ทำตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่มีการบีบบังคับตนในเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามว่ายังคงเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ อีกครั้งใช่ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อถึงเวลา ก็จะทราบ แต่ตอนนี้ตนได้ฟังข้อมูลและพูดคุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประสานกับ ก.ตร. ที่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งคิดว่าต้องใช้เวลาอีกนิด แต่ไม่มีอะไรเสียหาย ที่จริงตนไม่อยากให้คนที่มีข้อมูลบางด้านออกมาพูด แต่ข้อมูลทุกด้านให้ส่งมาที่ตน
ต่อข้อถามถึงข่าวที่ว่ามีเงื่อนไขพิเศษ และพรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ถ้า พล.ต.อ.จุมพลไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผบ.ตร. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องถอนตัวคงไม่มี เพราะข้อมูลทุกอย่างอยู่ที่ตน และตนกำลังจัดการอยู่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตนต้องมีคำตอบให้สังคม เพราะตนต้องรับผิดชอบเนื่องจากเป็นผู้เสนอชื่อ เมื่อถามต่อว่าทำไมการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้จึงยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าครั้งอื่น ๆ ยากหรือไม่ยาก แต่ในอดีตเคยมีปัญหาในลักษณะที่ผู้มีอำนาจเสนอเข้าไปแล้วกรรมการไม่เห็นชอบ
นายกฯยํ้าเสนอชื่อปทีป
เมื่อถามว่ายังคงเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ อีกครั้งใช่ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อถึงเวลา ก็จะทราบ แต่ตอนนี้ตนได้ฟังข้อมูลและพูดคุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประสานกับ ก.ตร. ที่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งคิดว่าต้องใช้เวลาอีกนิด แต่ไม่มีอะไรเสียหาย ที่จริงตนไม่อยากให้คนที่มีข้อมูลบางด้านออกมาพูด แต่ข้อมูลทุกด้านให้ส่งมาที่ตน
ต่อข้อถามถึงข่าวที่ว่ามีเงื่อนไขพิเศษ และพรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ถ้า พล.ต.อ.จุมพลไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผบ.ตร. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องถอนตัวคงไม่มี เพราะข้อมูลทุกอย่างอยู่ที่ตน และตนกำลังจัดการอยู่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตนต้องมีคำตอบให้สังคม เพราะตนต้องรับผิดชอบเนื่องจากเป็นผู้เสนอชื่อ เมื่อถามต่อว่าทำไมการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้จึงยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าครั้งอื่น ๆ ยากหรือไม่ยาก แต่ในอดีตเคยมีปัญหาในลักษณะที่ผู้มีอำนาจเสนอเข้าไปแล้วกรรมการไม่เห็นชอบ
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า จากปัญหาความคิดเห็นไม่ตรงกันในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ที่ นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ยืนยันที่จะเสนอชื่อ พล.ต.อ. ปทีป เป็น ผบ.ตร. แม้ล่าสุด นายนิพนธ์ เลขาธิ การนายกรัฐมนตรี จะได้หารือกับนายกรัฐมนตรีหลังเดินทางกลับมาจากประเทศเยอรมนีแล้ว โดย นายนิพนธ์ ยืนยันว่าควรจะชื่อ พล.ต.อ. จุมพล รอง ผบ.ตร. ตามเดิม แต่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธ และยังยืนยันเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ชื่อเดียว จึงสร้างความหนักใจให้กับนายนิพนธ์อย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีบอกว่าอยากให้การแต่งตั้ง ผบ.ตร.เสร็จในการประชุม ก.ต.ช. ครั้งที่ 2 ในอีก 2 สัปดาห์หน้านี้ เพราะหากไม่ได้ข้อยุติและยืดเยื้อจนต้องเรียกประชุม ก.ต.ช.เป็นครั้งที่ 3 จะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความอึดอัดใจให้กับนายนิพนธ์เป็นอย่างมาก เพราะมีความเห็นไม่ตรงกับนายกรัฐมนตรี จนนายนิพนธ์ ถึงกับบ่นกับคนใกล้ชิดว่าหากมีปัญหาเกิดขึ้นก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะถ้าลาออกในตอนนี้จะมีปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเอง ที่จะเป็นผู้รับผลกระทบโดยตรง
ด้าน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะ ก.ต.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม ก.ต.ช.เพื่อพิจารณาหา ผบ.ตร.คนใหม่ ว่า คงอีก 2 สัปดาห์ จึงจะมีการประชุมกัน ส่วนจะมีการประชุมนอกรอบก่อนหรือไม่ก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า คิดว่าการประชุมครั้งนี้ความคิดเห็นจะเป็นไปในแนวทางเดียวกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่า นายกฯ จะเสนอแนวทางไหน เมื่อถามย้ำอีกว่า การประชุมครั้งนี้ จะได้ตัว ผบ.ตร.หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า คงต้องไปถาม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับ 2 คนนี้ คาดว่าอาทิตย์หน้าคงจะได้พูดคุยกัน ส่วน ที่มีข่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ให้การสนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.นั้น นายชวรัตน์กล่าวว่า ตนไม่เคยบอกว่าให้การสนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล
วันเดียวกันนี้ ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีคนใกล้ชิดนายกฯ โดยตนขอเรียกร้องให้ตรวจสอบประวัติภูมิหลังและพฤติกรรมของ นายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเชื่อว่า นาย ศิริโชค มีการกระทำในลักษณะก้าวก่ายแทรก แซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ จึงขัด รัฐธรรมนูญมาตรา 266 (2) และ นายศิริโชค ยังมีพฤติกรรมกล่าวให้ร้ายสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ (สตช.) กับนายตำรวจระดับสูงว่ามีการซื้อขายตำแหน่งโดยปราศจากหลักฐาน นอกจากนั้น นายศิริโชค ยังมีพี่ชายชื่อ นายศิริพจน์ โสภา ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโอเอ็มฟู๊ด จำกัด ได้ถูกศาลอาญาพิพากษาในคดีแดงหมายเลข 2091/2550 ให้จำคุก 20 ปี และร่วมกันชดใช้เงินกับจำเลยคนอื่น ๆ ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหา ชน) จำนวน 103 ล้านบาท ในความผิดฐานฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสาร กรณีกู้เงินธนาคารกรุงไทย โดยให้นับโทษต่อจากคดีของศาลแขวงพระโขนง ในคดีแดงหมายเลข 6162/2549 โดยคดีดังกล่าว นายศิริพจน์ ถูกฟ้องร่วมกับจำเลยคนอื่น ๆ ฉ้อโกงเงินจากธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) จำนวน 695 ล้านบาท รวมทั้งขอให้ตรวจสอบสัญชาติบิดาของนายศิริโชค ว่าเป็นคนสัญชาติใดด้วย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ นายศิริโชค จะไม่ได้เป็นจำเลยในคดีเกี่ยวกับพี่ชาย แต่การที่นายกรัฐมนตรีเลือกบุคคลมาเป็นคนใกล้ชิดควรพิจารณาถึงความเหมาะสมมากกว่าความสนิทสนมส่วนตัว โดยตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรีที่ กกต. ในระหว่าง ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปร่วมบรรยายให้ผู้เข้าอบรมหลักสูตรของ กกต.ฟัง ในเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ส.ค.นี้.