เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา
กรณี นายนที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำความเห็นเสนอต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มิได้กระทำความผิดวินัยตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.กล่าวหา และสมควรให้ยุติเรื่องนั้น ปรากฏว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบข้อหารือในประเด็นดังกล่าวไปยังนายสุเทพ แล้วว่า รายงานสรุปข้อเท็จจริงของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นเพียงการสรุปข้อเท็จจริงและความเห็นรายงานต่อรองนายกรัฐมนตรีเท่านั้น นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบกำกับการ บริหารราชการ และสั่ง และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี สำหรับราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงไม่อาจถือเอาความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นที่ยุติได้
ส่วนการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) สั่งการให้ พล.ต.ท.ทวีพร นามเสถียร ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและสรุปความเห็นเสนอเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป ภายหลังจากที่บริษัทผลิตรายการที่มีคุณภาพและถูกสกัดกั้นไม่ให้เสนอราคา มีหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังมิใช่การดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 84 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และมิใช่การสั่งให้ผู้ใดดำเนินการสืบสวนข้อ 6 แห่งกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2547 ด้วย เนื่องจากมิได้มีการแจ้งเรื่องที่ถูกกล่าวหาหรือถูกร้องเรียนให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงภายในเวลาที่กำหนด โดยในการสั่งการก็มิได้ระบุให้ดำเนินการสืบสวน แต่เป็นการสั่งให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนั้นการสั่งการของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงเป็นการใช้อำนาจสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาเบื้องต้นของตนตามมาตรา 84
นายกฯสบช่อง เด้งพัชรวาท กระทำผิดวินัย
อย่างไรก็ดี เมื่อได้รับรายงานจาก พล.ต.ท. ทวีพร แล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มิได้มีการสั่งการอย่างใด จนกระทั่งตนเองได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามการดำเนินการทางวินัยของ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏในเวลาต่อมาว่า นายกรัฐมนตรี (สมชาย วงศ์สวัสดิ์) ได้มีคำสั่งเห็นชอบตามที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พล.ต.อ.พัชรวาทและข้าราชการคนอื่นที่ถูกกล่าวหาตามระเบียบที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงถือได้ว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาแล้วใช้อำนาจตามหน้าที่ เพื่อดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 84 โดยให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2547 แต่โดยที่นายกรัฐมนตรี (สมชาย) ได้พ้นจากตำแหน่งก่อนที่จะได้ลงนามในคำสั่ง จึงมีผลทำให้การดำเนินการค้างพิจารณาอยู่ที่ขั้นตอนดังกล่าว
ในประเด็นนี้คณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า การดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
กรณีข้าราชการตำรวจถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของผู้บังคับบัญชาของข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหา ฉะนั้นแม้ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ก่อนลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน แต่เนื่องจากเรื่องนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจผู้นี้กระทำผิดวินัย นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการและสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี สำหรับราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลาต่อมา จึงยังคงมีหน้าที่ตามมาตรา 84 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ที่จะต้องดำเนินการต่อไป โดยการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เป็นกระบวนการที่ค้างพิจารณาอยู่ แต่ถ้าหากมีการพิจารณาในเบื้องต้นแล้วมีความเห็นแตกต่างจากการดำเนินการที่ค้างพิจารณาอยู่ และจะไม่ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ย่อมอยู่ในความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจสั่งการที่จะพิจารณาตามที่เห็นควร
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่า นอกจากทางกฤษฎีกาจะทำหนังสือถึงนายสุเทพแล้ว ยังได้สำเนาความเห็นดังกล่าวส่งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ได้รับทราบอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ซึ่งจะเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีว่าจะพิจารณาตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หรือไม่ ทั้งนี้หากตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาจะมีการย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องออกจากสังกัด เพื่อเปิดทางให้การสืบสวนข้อเท็จจริงเดินหน้าได้อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในกรณีที่บุคคลที่ถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงาน เพราะหากไม่มีการย้ายออกจากตำแหน่งอาจจะทำให้การสืบสวนข้อเท็จจริงถูก แทรกแซงได้ และคณะกรรมการก็จะไม่สามารถแสวงหาข้อเท็จจริงได้
สำหรับกรณีนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้กล่าวหาว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ในกรณีการดำเนินการจัดจ้างโฆษณาและเผยแพร่รายการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเงิน 18,697,500 บาท จากงบประมาณปี 2548 โดยมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด และเป็นการกระทำที่กีดกันผู้เสนอราคารายอื่น ไม่ให้สามารถเข้ามาเสนอราคา หรือแข่งขันราคาได้อย่างเป็นธรรม ทำให้นายสมชาย นายกรัฐมนตรีขณะนั้นมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาทไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.

Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday