วันนี้(24 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือร่วมกันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน ว่า ตนได้รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมชุนของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 30 ส.ค.นี้ เพราะตนมีความกังวลใจและอยากเห็นประเทศไทยกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยจะได้เดินหน้าแก้ปัญหาประเทศชาติและประชาชนต่อไป รวมทั้งตนเชื่อว่าชาวไทยและชาว กทม. ไม่อยากเห็นภาพความชุลมุนวุ่นวาย มีการก่อเหตุจลาจลใน กทม.อีกแล้ว เพราะเป็นการซ้ำเติมภาพพจน์ของประเทศไทย และทำให้นักลงทุน นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่น จึงมีความจำเป็นที่ตนต้องตัดสินใจวางแนวทางป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆเหล่านั้นขึ้น
'ผมอาจจะต้องเตรียมการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงต้องกราบเรียนนายกรัฐมนตรีก่อนว่าผมมีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพราะผมต้องรักษาความสงบเอาไว้ให้ได้ โดยผมจะหารือกับ สมช. อีกครั้งในเรื่องนี้ และต้องเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. ดังนั้นผมต้องตัดสินใจทุกอย่างให้ได้ในวันนี้ เพื่อวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) จะได้ทำเรื่องเสนอ ครม. ส่วนจะต้องประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงนานขนาดไหนนั้น ต้องดูตามสถานการณ์' นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ก็ไม่มีอะไรหนักหนาแสดงว่า คราวนี้มีการข่าวระบุว่ามีแนวโน้มที่จะก่อความรุนแรงใช่หรือไม่
นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าจะพูดไปจะกลายเป็นการไปกล่าวหา เอาเป็นว่าตนไม่ประมาท และพยายามดูแลให้รอบคอบเอาไว้ก่อน เพราะต้องการปกป้องบ้านเมือง และภาพพจน์ของประชาชน ให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เมื่อถามว่าทางการข่าวมีรายงานหรือไม่ว่า จะมีกลุ่มอื่นเข้ามาปะปนเพื่อก่อให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายจนต้องใช้กฎหมายพิเศษ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามจะติดตาม
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนระหว่างวันที่ 26 พ.ค.- 3 ธ.ค.2551
และระหว่างวันที่ 26 - 14 เม.ย. 2552 ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ ว่า ตนยังไม่ได้หารือกันภายในพรรคประชาธิปัตย์หรือในรัฐบาล แต่ตอบได้ในฐานะส่วนตัว ว่า ไม่เห็นด้วย เพราะในวันที่ 30 ส.ค.นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงก็จะเคลื่อนไหวกันอีก หากเขาคิดว่าทำแล้วไม่ผิด ทำได้ทุกอย่าง ตนพูดในฐานะคนที่ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย หากกลุ่มคนเห็นว่าทำอะไรที่ไม่เรียบร้อยแล้วไม่ผิดกฎหมาย และก็จะมีคนนิรโทษกรรมให้ อย่างนั้นเป็นอันตรายต่อการทำงานของตน.