ผลสอบโครงการชุมนุมพอเพียงฉาวของปชป. ระบุมี4คนเป็นสมาชิกพรรค แจ้งให้นายกฯทราบเพื่อกำหนดโทษ


ปชป.เผยผลสอบโครงการชุมชนพอเพียง พบ 4 สมาชิกมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ไม่เกี่ยวตระกูล"สภาวสุ" ยอมรับทำให้พรรคเสียหาย เตรียมตั้ง กก.กำหนดโทษ พร้อมส่งผลสอบให้นายกฯ ทราบ

นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อท็จจริงโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง คณะกรรมการฯ ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์


โดยนายเจริญ แถลงว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่า มีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 6 คน เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 4 คน แต่ไม่ใช่ระดับแกนนำหรือเป็นคนในตระกูลสภาวสุ โดยเป็น ส.ข.และสมาชิกธรรมดา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ โดยบุคคลทั้ง 4 น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการ แต่ไม่มีข้อเท็จจริงว่าได้รับประโยชน์หรือทุจริตอย่างไร เพราะพบเพียงพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่ร่วมมือกับพนักงานบริษัทขายของให้โครงการชุมชนพอเพียง เนื่องจากบริษัทรู้ว่า สำนักงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) จะอนุมัติเมื่อใด มีการแถมสินค้าอื่นที่ไม่เข้าเกณฑ์เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ สพช.ทราบ แต่ไม่หาทางยับยั้ง ส่วนกระบวนการจำหน่ายสินค้าในชุมชน ไม่น่าจะมีความผิด


“พฤติกรรมดังกล่าวทำให้พรรคเสียหาย ดังนั้น พรรคจึงต้องดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณากำหนดโทษว่าร้ายแรงถึงขั้นขับออกจากพรรคหรือไม่ และเตรียมส่งผลการสอบสวนให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครับทราบ”


นายเจริญ กล่าวและว่า รัฐบาลก็ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบบุคคลอื่นที่ร่วมทุจริตในโครงการนี้เพิ่มเติม เพราะกรรมการของพรรคไม่มีอำนาจ ส่วนจะต้องมีใครรับผิดชอบเรื่องการทุจริตในโครงการหรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะไปพิจารณาต่อไป


นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ยืนยันว่าคณะกรรมการฯ ดำเนินการสอบสวนถูกต้องโปร่งใสทุกอย่าง ไม่เหมือนกับโครงการ เอสเอ็มแอล ในรัฐบาลชุดที่แล้ว เมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีการสอบสวน


นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า สมาชิกพรรคที่พบว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่มาจาก ส.ข.บางกะปิ


ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการฯสรุปผลสอบสวนเสร็จ คงจะรายงานต่อหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคต่อไป ถ้ามีใครผิดก็ต้องจัดการต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภา กทม. (ส.ก.) หรือ ส.ข. หรือ ส.ส. หรือแม้แต่รัฐมนตรี


ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นความผิดพลาดของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (ศพช.) หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า "รู้สึกว่าคำถามหลังๆ นี้มักจะหาเรื่องให้ผมมีปัญหากับคนอื่นอยู่เรื่อย ผมตอบไม่ได้"


ส่วนความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ สพช.พัวพันการทุจริตนั้น พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนลงไปหาข้อมูลในพื้นที่ กทม., ชัยนาท และมหาสารคาม เฉพาะ กทม.และชัยนาทนั้นได้ส่งรายงานการตรวจสอบข้อมูลมาแล้ว ยังเหลือเพียง จ.มหาสารคาม การลงพื้นที่ครั้งนั้นได้เอกสารบางอย่าง ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคมนี้ จะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสรุปและส่งให้ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ทราบ ขณะเดียวกัน จะสอบสวนนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการ สพช.ว่ามีข้าราชการของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร


พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีพยายามทำทุกอย่างให้ใสสะอาด และโปร่งใส แต่ไม่ใช่ใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพราะต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน แต่ถ้าชัดเจนแล้วยังรีรอคงไม่ดี อย่างไรก็ดี การทำงานของนายอภิสิทธิ์ ค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองตรงไปตรงมา ซึ่งตามปกติแล้วนายกฯจะไม่ค่อยเป็นแบบนี้


นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ว่าที่ประธาน ศพช. กล่าวว่า ต้องเร่งแก้ไขกระบวนการดำเนินงานไม่ให้เป็นลักษณะเอาของไปใส่มือชาวบ้าน ไม่มีประเทศใดในโลกที่ทำให้สภาพคนดีขึ้นด้วยวิธีการสังคมสงเคราะห์ที่นอกจากจะไม่ทำให้คนเข้มแข็งแล้ว ยังเป็นการบ่มเพาะนิสัยการขอเพิ่มขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ ความพอเพียงไม่มีทางเกิดขึ้น ชุมชนไม่มีวันรู้จักพอและเพียง เหมือนแจกหมากฝรั่งหอมรสชาติหวาน แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย รูปแบบงานต่อไปต้องพยายามให้ชาวบ้านรู้จักวางแผนอนาคตของหมู่บ้านจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่คิดแต่ว่าจะรอรับเงิน 1 แสน 2 แสน 3 แสน


"ชุมชนเป็นเศรษฐีแรงงาน รัฐบาลเป็นเศรษฐีเงิน ต้องช่วยเหลือกันทั้งสองฝ่าย เงินที่ได้รับไปทำโครงการ ควรส่งคืนกลับมาในรูปแบบกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชนของตนเอง เพื่อนำไปใช้พัฒนาชุมชนแบบยั่งยืนต่อไป และต้องดึงเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด เด็กก็สามารถคิดโครงการได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ใหญ่อย่างเดียว" นายมีชัยกล่าว 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์