นายกฯ วอน พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดขบวนการเคลื่อนไหวหลังยื่นฎีกาแล้ว

ทำเนียบฯ 17 ส.ค.-นายกฯ ประชุม สมช.ถกปัญหาภาคใต้และการยื่นฎีกาของกลุ่มเสื้อแดง เผยที่ประชุมเป้นห่วงการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการโฟนอินของอดีตนายกฯ ที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้าน  วอน”พ.ต.ท.ทักษิณ”ช่วยหยุดขบวนการดังกล่าว เพราะได้ยื่นฎีกาแล้ว ส่วนปัญหาภาคใต้เน้นให้ดำเนินคดีอย่างเที่ยงธรรม ขณะที่ปัญหาผู้อพยพให้ใช้หลักสิทธมนุษยชน


นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รวมทั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.ว่า ที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์ปัญหาความมั่นคงของชาติ รวมถึงปัญหาภาคใต้ และสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่รวมตัวเพื่อยื่นถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี


“ท่านนายกฯกำชับว่า จะต้องดูแลความเรียบร้อย เพราะการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่อยู่เหนือกรอบรัฐธรรมนูญที่ประชาชนใช้สิทธิได้ อย่างไรก็ตามในนามรัฐบาลต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่วันนี้ร่วมมือกันดูแลเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี  ยอมรับว่าที่ประชุมได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามา อาจทำให้ประชาชนอีกกลุ่มเกิดความรู้สึกต่อต้าน จึงคิดว่า อยากขอความร่วมมือ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องนี้  ขอให้หยุดขบวนการนี้ เพราะขณะนี้ขบวนการยื่นถวายฎีกาได้เดินหน้าไปแล้ว”นายปณิธาน กล่าว



ส่วนเรื่องปัญหาภาคใต้นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า มีการรายงานว่า ปัญหามีความซับซ้อนมากขึ้น จึงควรจัดการให้เป็นระบบ ทั้งนี้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น

โดยการเกิดหตุลดลง แต่แนวโน้มความรุนแรงในพื้นที่ยังมีอยู่ จึงจำเป็นต้องปรับและทำงานให้สอดคล้องกัน อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีกำชับว่า ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าคดีใด ขอให้ดำเนินการอย่างเที่ยงธรรม โดยเฉพาะที่มีการกราดยิงมัสยิด ได้พูดคุยเพื่อออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้แล้ว นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังกำชับหน่วยงานความมั่นคงให้ทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศให้มากขึ้น และในอนาคตจะได้ขยายความร่วมมือ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นภาพที่ดีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในสายตานานาชาติ


สำหรับนโยบายผู้อพยพหรือผู้หลบหนีเข้าเมืองนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า  ที่ประชุมพูดคุยและหยิบยกปัญหาของหลายกลุ่ม

โดยนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำให้ปรับให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน แต่ยืนยันว่าในส่วนของผู้หลบหนีเข้าเมืองที่ทำผิดกฎหมายจะต้องได้รับการส่งกลับ จึงขอให้หน่วยงานความมั่นคงไปกำหนดนโยบายที่ชัดเจน รวมถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวด้วย


นายปณิธาน กล่าวว่า  สมช.ยังรายงานถึงข้อมูลของนักวิชาการออสเตรเลีย ที่ระบุว่าพม่ากำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ซึ่ง สมช.ได้ติดตามและเห็นว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอันตรายอะไร และประเทศที่ถูกตั้งข้อสังเกตุว่า ให้ความช่วยเหลือพม่าในเรื่องดังกล่าว ก็ยืนยันว่า จะยังทำงานร่วมกับคณะกรรมการพลังงานปรมาณูสากล หรือไอเออีเอ.- สำนักข่าวไทย


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์