"ชวน"ไม่ละเว้นใครก็ตามที่ทุจริตในรบ.นี้โดยเฉพาะโครงการพอเพียงชื่อพระราชทาน ไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น เพื่อไทยระบุมี 2 ปชป.เอี่ยวแต่ไม่พบหลักฐานโอนเงิน เตือนคกก.ตรวจสอบให้รอบคอบพบ 200 ชุมชนผิดปกติ ร้อง"กอร์ปศักดิ์"ลาออกยก"วิฑูรย์"เจอปลากระป๋องเน่ายังต้องไขก๊อก "โครงการนี้เป็นโครงการช่วยเหลือประชาชน แต่เห็นว่าเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดทุจริตได้มาก ดังนั้นผู้รับผิดชอบโครงการก็ควรออกมาชี้แจงถึงการดำเนินการสอบสวนผู้กระทำผิดด้วย ต้องคำนึงว่าปัจจุบันการตรวจสอบโครงการต่างๆ มีหลายแนวทาง ดังนั้น รัฐบาลนี้จะต้องไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น " นายชวนกล่าว
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์อย่างมีอารมณ์ที่ จ.ตรัง ถึงปัญหาการทุจริตโครงการเศรษฐกิจพอเพียงว่า ใครก็ตามที่ทุจริตในรัฐบาลนี้ ตนจะไม่ละเว้น และจะต้องเอาผิดให้ได้ โดยเฉพาะโครงการเศรษฐกิจพอเพียง เป็นชื่อพระราชทาน ซึ่งเมื่อมีการทุจริตไม่ว่าจะเป็นมากเป็นน้อย แต่ถือว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว ตนไม่เห็นด้วยหากมีการออกมาปกป้องคนทุจริต แม้ว่าจะเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม เพราะเราถือมาตรฐานเดียวกัน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน โฆษกพรรค ปชป.แถลงว่า กรณีปัญหาโครงการชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงที่เกิดขึ้น พรรคยืนยันว่า จะไม่ปกป้องคนผิดอย่างเด็ดขาด และสนับสนุนการตรวจสอบ เพราะทราบดีว่าประชาชนคาดหวัง และขณะนี้พรรคพบหลักฐานชัดเจนว่า มีขบวนการที่หากินกับเงินหลวงในอดีต ซึ่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่โครงการ แอบอ้างว่าเกี่ยวโยงกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลโครงการดังกล่าว แต่จากการตรวจสอบของพรรคพบว่า มีหลักฐานผูกโยงกับพรรคฝ่ายค้านที่เป็นรัฐบาลขณะนั้น ซึ่งมีการแจ้งความดำเนินคดีผู้กระทำความผิด ที่ จ.อำนาจเจริญ แล้วเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม และในวันที่ 16 สิงหาคม จะออกมาเปิดเผยกระบวนการโดยจะเปิดเผยคนเกี่ยวข้องเบื้องหลังทั้งหมด ที่พยายามใส่ร้ายความผิดให้บุคคลของพรรค
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า นอกจากนี้ พรรคสนับสนุนให้ทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายค้านเอาข้อมูลการทุจริตมาเปิดเผย อย่ารอให้มีการสร้างหลักฐานเท็จมากล่าวหา ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบของพรรคจะลงพื้นที่ใน กทม.วันที่ 15 สิงหาคม และสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่ต่างจังหวัด เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วจะเสนอให้สำนักงานการตรวจเงินเข้าแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบต่อไป
ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะกรรมการติดตามทุจริตโครงการชุมนุมพอเพียงแถลงว่า การตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีโครงการชุมชนพอเพียงจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีการรายงาน 1,900 ชุมชน แต่พบมีการร้องเรียนมา 4-5 ชุมชนในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงระหว่างพรรค พท.กับพรรค ปชป. พร้อมระบุว่า มีคนของพรรค ปชป.เกี่ยวข้อง 2 คน แต่ไม่พบหลักฐานการโอนเงินนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการตรวจสอบของพรรค ปชป. หากทำแบบนี้ไม่ใช่กรรมการตรวจสอบ แต่เป็นการยืนยันความโปร่งใสของตัวเอง เพราะยังไม่ทันไรก็รับรองว่าโครงการนี้ไม่ทุจริตเสียแล้ว ตนขอตั้งคำถามว่า กรรมการตรวจสอบของพรรค ปชป.ตรวจสอบลักษณะไหน หรือพิจารณาเฉพาะที่เกิดประโยชน์กับพรรค ปชป.เท่านั้น จึงขอให้ตรวจสอบอย่างรอบคอบ
"พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่พบว่า มีการทุจริตโครงการนี้กว่า 200 ชุมชน ความผิดปกติที่พบแล้วคือ การอนุมัติโครงการเหมือนกัน ซื้อของจากแหล่งเดียวกัน ที่สำคัญการอนุมัติจากสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) เป็นการอนุมัติโครงการไม่ยั่งยืน ไม่ตอบสนองแท้จริงต่อชุมชน ไม่เป็นตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
"ที่บอกว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้อง 2 คนนั้น ผมก็ขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการพยายามให้การทุจริตครั้งนี้เป็นเรื่องเล็กในสายตาสังคม เพื่อตัดตอนไม่ให้สาวไปถึงผู้บงการ " น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว และว่า เป็นห่วงว่าคณะกรรมการชุมชนจะเป็นแพะรับบาป จึงอยากให้ชุมชนที่ถูกหลอกให้ไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อยันว่าเป็นผู้เสียหาย ก่อนจะถูกป้ายความผิดและติดคุกแทนคนทำผิดตัวจริง
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้มีเอกสารจาก สพช.เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2552 ประกอบการพิจารณาโครงการ ให้ชุมชนต่างๆกรอกเพิ่มเติม เปรียบเหมือมกับมีการยิงคนตาย ท่านอยู่ที่เกิดเหตุแต่ไม่รู้เรื่อง แต่เอกสารตัวนี้เหมือนว่าได้เข้าไปสมรู้ร่วมคิดยิงคนตายด้วย เอกสารดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าผู้กรอกเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ จะเป็นการรับรองความผิดตัวเองในการสมรู้ร่วมคิด
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า พรรค พท.จัดทำคู่มือจับทุจริตโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางตรวจสอบโครงการนี้ โดยได้จำแนกวิธีตรวจสอบ และจะแจกจ่ายให้สมาชิก และ ส.ส. พรรค พท. นำไปคู่มือตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า สิ่งบอกเหตุว่าโครงการนี้มีการทุจริตทั่วประเทศ เช่น เอกสารทางราชการเกี่ยวข้องกับการอนุมัติโครงการครั้งที่ 8 ของ สพช. เป็นหนังสือทางอำเภอส่งมาว่าโครงการที่ได้รับอนุมัติไม่ตรงกับโครงการที่เขียนขอขึ้นไป โดยเฉพาะที่ จ.ลำพูน และ จ.อำนาจเจริญ และตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมเป็นต้นไป คณะกรรมการติดตามตรวจสอบของพรรค พท.จะลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่ภาคอีสาน โดยตนจะเป็นคนนำทีม ส่วนภาคเหนือนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรค พท. เป็นคนนำทีม
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค พท.กล่าวว่า พรรคขอเรียกร้องให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯลาออกได้แล้ว กรณีปลากระป๋องเน่าแค่มีเรื่องไม่ถึง 1 เดือน นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ขณะนั้น ยังหน้าบางประกาศลาออก แต่นายกอร์ปศักดิ์บอกว่าไม่มีการทุจริตหรือทุจริตเล็กน้อย
ด้านนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงวุฒิสภาเปิดเผยว่า หลังจากนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการ สพช. เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการ กมธ. มีข้อสังเกตหลายประการถึงความไม่ชอบมาพากล เช่น การที่นายสุมิทยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับบริษัทที่ขายสินค้าให้กับชุมชน การซื้อสินค้าที่ราคาสูงกว่าท้องตลาด เช่นเครื่องกรองน้ำที่ราคาแค่ 2 แสนบาท แต่ใบเสนอราคาของบริษัทระบุว่าราคา 3 แสนบาท โดยแถมพัดลมไอน้ำ 2 ตัว ราคาตัวละ 5 หมื่นบาท ซึ่งนายสุมิทไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน เท่าที่กรรมาธิการตรวจสอบพบว่าสินค้าบางตัวราคาสูงกว่าท้องตลาดมาก เห็นว่า สพช.ไม่มีการตรวจสอบราคาและคุณสมบัติว่าคุ้มค่ากับเงินหรือไม่
นายยุทธนากล่าวว่า นายสุมิทชี้แจงคลุมเครือ พร้อมโยนความผิดให้กับชุมชนและโครงการเอสเอ็มแอลของรัฐบาลชุดก่อน ที่สำคัญโครงการดังกล่าวเพิ่งเริ่มไม่กี่เดือน แต่มีชุมชนได้รับอนุมัติถึง 31,000 ชุมชน ส่วนใหญ่เป็นการซื้อครุภัณฑ์และสินค้า ซึ่งไม่น่าจะเข้าหลักเกณฑ์ที่ระบุต้องเป็นโครงการต่อเนื่อง และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในสัปดาห์หน้าอนุ กมธ.จะลงพื้นที่ใน กทม.เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรค ปชป.ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบโครงการชุมชนพอเพียง ของพรรค ปชป. ระบุว่า จะสรุปผลการสอบสวนในสัปดาห์หน้านั้น ทั้งที่เพิ่งสอบไม่นาน แต่กลับด่วนสรุปเป็นการทำงานที่เร็วเร็วเกินไปหรือไม่ ควรตรวจสอบในเชิงลึกมากกว่านี้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
