ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์แฉอีก ซื้อขายตำแหน่งตำรวจระดับผู้บังคับการมีราคาสูงถึง 10 ล้าน ต่อเก้าอี้ แต่ถ้าใครมีความสามารถแบบใกล้ชิดสนิทสนมก็ต่อราคาได้เหลือ 7-8 ล้าน นอกนั้นก็ลดหลั่นราคาเรื่อยๆ ชทพ. ร้อง"พัชรวาท-วิเชียร"ปกป้องศักดิ์ศรีตำรวจ พท.ชี้ตั้งรักษาการฯมีประโยชน์แฝง แฉซื้อตำแหน่งผู้การฯ10ล. ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า ขอฝากไปยัง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ10) รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ออกมาปกป้องและรักษาศักดิ์ศรีสถาบันตำรวจ ในเรื่องการซื้อขายตำแหน่งอย่างเร่งด่วน และเชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีลงมาเกี่ยวข้องกับกรณีโยกย้ายหรือสั่งพักงาน พล.ต.อ.พัชรวาท มีเหตุผลมาจากการซื้อขายตำแหน่ง เมื่อถามว่าคณะรัฐมนตรีหารือกรณีที่นายศิริโชคเปิดเผยว่า มีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจหรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า ไม่มี เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่นายกรัฐมนตรีคงหนักใจ เพราะนายศิริโชคถือว่าเป็นวอล์เปเปอร์ของนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ต้องทำให้โปร่งใสหาข้อเท็จจริงให้ได้ ต้องทำความจริงให้กระจ่างไม่ใช่จบแบบลอยๆ
นายโกวิทย์ ธารณา ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ว่า ถึงกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรีข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพัน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งจะเป็นผู้สอบสวนเองนั้น ว่า การให้ตำรวจมาสอบตำรวจเรื่องวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง ไม่มีทางที่จะจับได้ เพราะคนในวงการตำรวจย่อมปกป้องศักดิ์ศรีของตำรวจด้วยกันเอง การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบชุดที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน จึงไม่มีความหมาย เพราะการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจมีมาช้านาน ยิ่งในยุคนี้แต่ละลำดับชั้นจะเรตราคาซื้อขายกันชัดเจน เช่นระดับผู้บังคับการ (ผบก.) จะอยู่ที่ 10 ล้านบาท แต่หากบุคคลนั้นมีคุณสมบัติ มีความสามารถและใกล้ชิดสนิทสนมจะต่อรองราคาได้เหลือประมาณ 7-8 ล้านบาท ส่วนระดับรองผู้กำกับ จะลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ และบางคนจะไม่เรียกรับเงินเอง ทำตัวเป็นตำรวจตงฉิน แต่หลังบ้านจะเปิดรับ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เงินแต่อาจจะเป็นการให้พระ
ชทพ. เรียกร้องให้ปกป้องศักดิ์ศรี
พท.ชี้ตั้งรักษาการฯมีประโยชน์แฝง
ด้าน พล.ต.อ.วิรุฬ พื้นแสน ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อดีตคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กล่าวว่า การบริหารงานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความสับสนเพราะมีการตั้งรักษาการ ผบ.ตร. แล้วสั่งให้ ผบ.ตร.ตัวจริงไปปฏิบัติราชการในภาคใต้ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ มาตรา 72 ระบุว่า เ มื่อตำแหน่ง ผบ.ตรงว่างลงหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้รักษาการแทนได้ หรือถ้าไม่แต่งตั้งผู้รักษาการแทนก็ให้รอง ผบ.ตร. หรือผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือนายตำรวจอาวุโส ในการรักษาการแทน ผบ.ตร. ที่ผ่านมา กรมตำรวจจนมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการแต่งตั้งลำดับในการรักษาการ ผบ.ตร.ไว้อยู่แล้ว ที่สำคัญคือ การปฏิบัติภารกิจของ ผบ.ตร.นั้นเทคโนโลยีและเครื่องมือของ ตร.สามารถทำให้ ผบ.ตร.ปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้
"การแต่งตั้งครั้งน่าจะมีผลประโยชน์การเมือง เพราะเป็นการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.ตร.อย่างชัดเจน เพราะการแต่งตั้งครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ ตร.ใหม่ ซึ่งการใช้อำนาจหน้าที่มาปั่นการแต่งตั้งนายตำรวจ นั้นเป็นประโยชน์ทางการเมืองในอนาคต" พล.ต.อ.วุรุฬกล่าว และว่า นอกจากนี้ ตำแหน่งประธาน ก.ตร.เป็นตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีที่ไม่สามารถแต่งตั้งใครมาแทนได้ แต่นายอภิสิทธิ์กลับแต่งตั้งนายสุเทพ ซึ่งขัด พ.ร.บ.ตำรวจฯเพราะซึ่ง พ.ร.บ.ตำรวจฯ ระบุไว้ว่าหากประธานไม่อยู่ให้เลือกตั้งกันใน ก.ตร. ซึ่งการเป็นประธานของนายสุเทพขัดต่อกฎหมาย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
