ปชป.เย้ยแม้ว ไม่กล้าหาเสียง

ทุ่มเหมารถไฟฟ้า มาร์คอ้อนคนกรุง


ปชป.โหมหาเสียงถี่ยิบขายฝันคนกรุง เปิดนโยบายขนส่งมวลชน ชูคอนเซ็ปต์รถไฟฟ้าประชาชน คุยลั่นจะเดินหน้าสร้างส่วนต่อขยาย 7 เส้นทางเชื่อมเป็นวงแหวนใช้งบ 2.6 แสนล้าน "มาร์ค"จวกยับรัฐบาลทรท.อยู่มา 5 ปีคุยจะสร้าง 10 สาย แต่ไม่เห็นคืบหน้า "องอาจ"ได้ทีเย้ย"แม้ว"ตาขาวกลัวจนไม่กล้าลงพื้นที่หาเสียง ต้องใช้ไฮเทคช่วย ระบุนายกฯยังกลัวตาย ประชาชนจะมั่นใจความปลอดภัยได้อย่างไร

"สุริยะ"ยัน"ทักษิณ"จะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงบางโอกาส เผยสัปดาห์หน้าเรียกแกนนำทรท.กำหนดยุทธศาสตร์แบ่งโซนช่วยลูกพรรคหาเสียง รองเลขาฯกกต.อ้างไม่มีกม.ห้ามหาเสียงผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กมธ.ตรวจสอบประวัติว่าที่กกต.เรียกผู้ถูกร้องเรียนแจงจันทร์นี้ "แก้วสรร"มั่นใจชี้แจงข้อสงสัยได้ ปธ.วิปวุฒิฯปฏิเสธรับใบสั่งหลังออกมาเร่งให้เลือกกกต."ครูหยุย"เชื่อเลือกกกต.ไม่ทันปิดสภา

ปชป.เหมารถไฟฟ้าหาเสียง

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. เวลา 09.30 น. ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และทีมงานกว่า 100 คน อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรค นายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรค ม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรค นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกทม. เป็นต้น ได้เปิดตัวนโยบายด้านขนส่งมวลชนเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ในคอนเซ็ปต์ "รถไฟฟ้าประชาธิปัตย์"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์และคณะได้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีหมอชิตไปยังสถานีพญาไท โดยขบวนรถไฟฟ้าทั้งขบวนได้ตกแต่งสกรีนภายนอกตัวรถด้วยคำว่านโยบายวาระประชาชน และภายในรถไฟฟ้ามีป้ายข้อความประชาสัมพันธ์นโยบายพรรคด้วย โดยใช้งบโฆษณาครั้งนี้ประมาณ 1 แสนบาท ทำให้เป็นที่สนใจของประชาชนตลอดเส้นทาง จากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินเท้าต่อจากสถานีรถไฟฟ้าพญาไท มาแถลงเปิดนโยบายที่ดีดาบาร์ ถ.ศรีอยุธยา

"มาร์ค"เปิดนโยบายเอาใจคนกทม.

นายอภิสิทธิ์แถลงว่า หลังจากมีนโยบายวาระประชาชนเฉพาะด้านออกมาแล้ว พรรคยังมีวาระประชาชนในมิติของพื้นที่ด้วย คือนโยบายสำหรับคนกทม. และแยกตามภาคต่างๆ โดยจะพูดประเด็นปัญหาเฉพาะของแต่ละแห่ง ซึ่งครั้งนี้ในวาระประชาชนของชาวกทม.ปัญหาสำคัญคือด้านการจราจร ซึ่งปัญหานี้ได้กระทบต่อคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม รวมทั้งด้านเศรษฐกิจของประเทศ วันนี้ปริมาณยานพาหนะที่กระจุกตัวอย่างแน่นหนาในกทม. เฉพาะรถสี่ล้อมีประมาณ 2.5 ล้านคันต่อวัน ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมาก

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เฉพาะใน กทม.มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นทั้งเบนซิน ดีเซล ถึง 40-50% ทำให้สูญเสียงบประมาณสูงมาก รวมทั้งปัญหาการจราจรติดขัดทำให้ยิ่งสิ้นเปลืองพลังงาน ซึ่งพรรคได้รวบรวมข้อมูลปัญหาการจราจร และบริเวณสี่แยกที่มีรถหนาแน่นเพื่อปรับเป็นนโยบายขนส่งมวลชนที่เหมาะสมกับประชาชน และไม่ใช่เรื่องโต้แย้งที่จะกลายเป็นประเด็นการเมือง หรือเป็นโครงการเพื่อใช้ประโยชน์ทางการเมือง หรือผลประโยชน์ธุรกิจเชิงพาณิชย์แอบแฝง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วาระประชาชนด้านขนส่งมวลชนของพรรคอยู่บนหลักคิดที่ต้องครอบคลุมทั่วพื้นที่เป็นโครงข่าย มีระบบหลักระบบรอง ที่จะป้อนผู้โดยสารเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่าย เพื่อให้เข้าถึงระบบได้สะดวก ที่สำคัญค่าโดยสารต้องเป็นไปตามระยะทาง และเป็นอัตราที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ ทั้งนี้ 4 ปีที่ผ่านมาระบบขนส่งมวลชนยังไม่มีการพัฒนาเป็นรูปธรรม ที่ทำได้มีเพียงส่วนต่อขยาย 2.2 กิโลเมตร สะพานตากสิน-ฝั่งธนบุรี เท่านั้น


อัดรัฐบาลดีแต่คุย-ทำไม่ได้


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เมื่อพิจารณาการดำเนินการจริงๆของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีโอกาสทำงาน 5 ปี แต่ไม่มีการดำเนินการด้านขนส่งมวลชนเลย มีเพียงช่วงใกล้เลือกตั้งเมื่อปี 2548 ได้โฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการรถไฟฟ้า 10 สาย ในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ พอถึงเวลาจริงลดลงเหลือ 7 สาย และถึงขณะนี้เหลือเพียง 3 สาย และวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนของโครงการว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ อีกทั้งยังมีปัญหาการเมืองภายในพรรคทำให้เป็นอุปสรรค จึงมีเพียงขนส่งมวลชนที่เชื่อมไปยังสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น ไม่มีความชัดเจนเรื่องขนส่งมวลชนทั้งระบบ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งแรกที่พรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการทันที ตามนโยบายด้านขนส่งมวลชน ถ้าได้เป็นรัฐบาลคือจัดเก็บค่าโดยสารอย่างเป็นธรรม ยกเลิกการจัดเก็บค่าโดยสารซ้ำซ้อน จะเก็บเพียงครั้งเดียว ขณะนี้ผู้โดยสารต้องจ่ายค่าโดยสารสองต่อ เมื่อเปลี่ยนจากโครงการหนึ่งไปอีกโครงการหนึ่ง เช่น จากรถไฟฟ้าไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเท่ากับเสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า วาระประชาชนด้านขนส่งมวลชนเร่งด่วนของพรรคคือ การลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางขนส่งมวลชน 7 สาย จำนวน 139 กิโลเมตร ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 265,150 ล้านบาท หรือคิดเป็นงบลงทุน 1,908 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ทั้ง 7 สายมีรายละเอียดเงินลงทุนระยะเวลาเริ่มต้นก่อสร้างและเสร็จสิ้น รวมทั้งมีหน่วยงานใดรับผิดชอบชัดเจน โดยเส้นทางทั้งหมดเชื่อมโยงครอบคลุมทั่วพื้นที่ ประกอบด้วย 1.สายรังสิต-หัวลำโพง ระยะทาง 37 กิโลเมตร งบ 54,000 ล้านบาท ก่อสร้างระหว่าง 2550-2552 2.พญาไท-อโศก-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 26.50 กิโลเมตร งบ 56,000 ล้านบาท ก่อสร้างระหว่าง 2548-2551 3.ส่วนต่อขยายอ่อนนุช-สำโรง ระยะทาง 8.90 กิโลเมตร งบ 16,900 ล้านบาท ระหว่างปี 2549-2552

แจงยิบวาระด้านขนส่ง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 4.สายหมอชิต-เกษตรฯ-สะพานใหม่ ระยะทาง 12.10 กิโลเมตร งบ 22,500 ล้านบาท ก่อสร้างระหว่าง 2550-2553 5.สะพานตากสิน-บางแค ระยะทาง 13 กิโลเมตร งบ 20,000 ล้านบาท ก่อสร้างระหว่างปี 2549-2553 6.บางซื่อ-ท่าพระ-หัวลำโพง ระยะทาง 19 กิโลเมตร งบ 53,000 ล้านบาท ก่อสร้างระหว่างปี 2550-2554 และ 7.เตาปูน-แคราย-บางใหญ่ ระยะทาง 22.50 กิโลเมตร งบ 42,750 ล้านบาท ก่อสร้างระหว่างปี 2551-2554 ทั้ง 7 สายจึงเป็นประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ จะขนส่งประชาชนได้เพิ่มขึ้น 1.5-2 ล้านคนต่อวัน รวมทั้งประหยัดพลังงาน และแก้ปัญหาจราจรในกทม.

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า วิธีการลงทุนใน 7 โครงการนี้ พรรคขอเสนอแนวทางใหม่ โดยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นหน้าที่ของรัฐบาลแทน ถ้าให้เอกชนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นักลงทุนมักต้องการผลตอบแทนรวมประมาณร้อยละ 10-15 และต้องรับภาระทั้งก่อสร้างโครงสร้างหลัก งานระบบ การวางรากสถานี และซื้อรถไฟ จะทำให้โอกาสคุ้มทุนเป็นไปได้ต่ำมาก และไม่มีใครกล้าลงทุน ดังนั้นนโยบายของพรรคคือรัฐบาลทำโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนเอกชนจะเปิดให้เช่าระบบโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวจากรัฐบาล และสามารถจะต่อเติมส่วนที่เหลือ อาทิ ราง หัวรถไฟ ระบบต่างๆ และการบริหารจัดการ


ฟุ้งนำรถเมล์ด่วนมาวิ่งแทน


นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำหรับแหล่งเงินทุนที่รัฐบาลจะก่อสร้างเองนั้น จะกู้เงินจากสถาบันการเงินข้ามชาติ อาทิ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ จากเจบิก หรือจากงบของประเทศ และงบกทม. เมื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 7 สายเสร็จจะสามารถใช้เป็นทุนให้เกิดรายได้ และพัฒนาให้เป็นงบลงทุนส่วนต่อขยายได้อีก คือ 1.ให้เอกชนเช่าโครงสร้าง 7 สาย เพื่อนำรายได้จากการเช่ามาต่อยอดทำส่วนต่อขยาย 2.นำโครงสร้างพื้นฐานนี้มาทำเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3.นำมาเป็นหลักทรัพย์ในการกู้เงิน 4.ใช้เป็นหลักทรัพย์ออกพันธบัตร 5.แปลงรายได้เป็นหุ้น เมื่อรวมกับเงินลงทุนจากภาคเอกชน และเงินกู้จากสถาบันการเงินพิเศษ หรือรัฐบาลจะทำให้สร้างส่วนต่อขยายได้ครอบคลุมทั่วพื้นที่

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในส่วนเอกชนจะเป็นผู้มีส่วนบริหารแต่ละเส้นโดยตรง รัฐบาลจะจัดให้มีผู้ควบคุมอิสระเข้ามาควบคุมระบบต่างๆ โดยจะดูแลทั้งในด้านผลตอบแทนที่สมควรแก่นักลงทุน และค่าใช้บริการที่เหมาะสมกับประชาชน โดยจะคำนวณค่าสัมปทานแบบใหม่ เพื่อตัดโอกาสไม่ให้เจ้าของสัมปทานทำกำไรมากเกินควรจากประชาชน นั่นคือแบ่งค่าสัมปทานเป็น 2 ส่วน คือ 1.องค์กรกำกับดูแลของรัฐเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร 2.ผู้ประกอบการมีรายได้จากระบบสัมปทานเหมือนที่ใช้กับอุตสาหกรรมไฟฟ้า

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาจราจรระบบรอง นโยบายที่จะผลักดันทันทีคือนำรถเมล์ด่วน (บีอาร์ที) เข้ามาทดแทนรถโดยสารปรับอากาศบนเส้นทางสายหลัก เพื่อให้เป็นโครงข่ายเดียวกัน รวมทั้งปรับแนวเส้นทางรถขสมก.ที่ทับซ้อนใหม่ อาทิ สุขุมวิท พหลโยธิน พญาไท เป็นต้น และทำระบบตั๋วต่อตั๋วระหว่างขสมก. กับระบบรถไฟฟ้ามาใช้ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลจะโอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งขสมก.ให้กทม.ดูแลเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยง และทำเส้นทางรถไฟฟ้ากับขสมก.ให้เชื่อมโยงเป็นโครงข่าย สำหรับนโยบายขนส่งมวลชนทั้ง 7 สาย ปฏิเสธไม่ได้ในเชิงเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการ ดังนั้นไม่ว่าผู้ว่าฯ จะอยู่พรรคใดก็น่าจะสนับสนุนโครงการนี้

จวก"แม้ว"กลัวไม่กล้าลงพื้นที่

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรค แถลงถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยเตรียมแนวทางหาเสียงให้กับนายกฯ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า เป็นสิทธิ์ของนายกฯ ที่จะไม่ลงพื้นที่ ความจริงช่องทางการสื่อสารกับประชาชนมีหลายช่องทาง ส่วนที่นายกฯ ไม่ลงพื้นที่เพราะกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย นายกฯ ไม่ควรไปวิตกกังวล หากนายกฯ ไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยแล้วประชาชนในประเทศนี้จะมั่นใจในความปลอดภัยได้อย่างไร คนเป็นนายกฯ ต้องแสดงให้เห็นว่าประเทศนี้มีความปลอดภัย ประชาชนสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข การที่นายกฯ ไม่ลงพื้นที่และอ้างเหตุผลนี้ถือเป็นการทำลายความเชื่อมั่น เชื่อถือต่อความมั่นคงของประเทศ นายกฯ ไม่ควรประพฤติปฏิบัติอย่างยิ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า วิธีการหาเสียงด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จะส่งผลดีหรือผลเสียต่อพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกันเลย พรรคประชาธิปัตย์วางแผนดำเนินงานทางการเมืองปกติเหมือนที่เคยทำมา การที่นายกฯ ไม่ลงพื้นที่สัมผัสประชาชน แต่คงใช้วิธีการอื่นอีกหลายวิธีที่จะทำให้ได้คะแนนเสียง และชนะเลือกตั้ง นายกฯ อาจจะคิดว่าใช้วิธีอื่นได้ประโยชน์มากกว่า ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงินเข้ามาเพิ่มคะแนน มากกว่าวิธีการทั่วๆ ไป

"ชาติไทย"ลั่นพร้อมเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคชาติไทย นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งของพรรค กล่าวว่าขณะนี้พรรคได้เตรียมกรอบงานปฐมนิเทศผู้สมัครทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อแล้ว แม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค.หรือไม่ แต่เหลือไม่กี่วันก็จะทราบว่าคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติกกต. จะสรุปข้อมูลผู้ถูกเสนอชื่อเป็นกกต.ทันปิดสมัยประชุมในวันที่ 31 ส.ค.หรือไม่ หากไม่ทันก็อาจจะยืดเยื้อออกไป ซึ่งเดิมพรรคกำหนดการปฐมนิเทศในวันที่ 1 ก.ย.แต่เมื่อยังไม่ชัดเจน ก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน

นายนิกรกล่าวว่า ในวันปฐมนิเทศได้เตรียมให้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคเปิดแถลงนโยบายโดยจะเน้นการปฏิรูปการเมือง ส่วนนโยบายจะแบ่งเป็น 2 ภาค คือภาคเมืองเน้นสิทธิเสรีภาพ การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี และภาคชนบทเน้นความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ด้านการเกษตร เพื่อตอบสนองประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะเชิญผู้แทนกกต.มาร่วมในวันปฐมนิเทศด้วย เพราะกกต.ชุดใหม่เข้ามาเชื่อว่าต้องแก้ไขกฎระเบียบใหม่ อยากให้ชี้แจงกับทุกพรรคทราบ


เตือนให้ระวังการเคลื่อนไหว


นายนิกรกล่าวถึงสถานการณ์ขัดแย้งทางการเมืองซึ่งล่าสุดเกิดเหตุลอบวางระเบิดนายกฯ ว่าเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ท่ามกลางความสับสน เพราะพรรคการเมืองซึ่งเป็นคนวงในยังไม่ทราบเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีข้อสรุปหรือความชัดเจนอย่างไร เป็นเรื่องจริงหรือการจัดฉากก็ตอบไม่ได้ สิ่งที่ตอบได้ชัดคือความขัดแย้งเป็นปัญหาที่สร้างความสับสนในประเทศ เกิดความกระทบกระทั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ซึ่งเบื้องหลังเป็นอย่างไรไม่ทราบ

จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกหรือเรื่องจะจบอย่างไร ซึ่งพรรคชาติไทยได้เสนอทางออกว่าหากจะสู้กันเชิงนโยบายก็มีนโยบายมาสู้กัน แต่ขณะนี้ประชาชนแตกแยก พรรคการเมืองต้องเข้าไปรับผิดชอบ หากเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค.จะเกิดควันหลงต่อเนื่องกระทบประชาชนหรือไม่ ซึ่งการลอบวางระเบิดไปเกี่ยวพันกับการเดินขบวนไปหน้าบ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยิ่งเป็นความสับสนและน่าเห็นใจประชาชนมาก

"อยากให้พรรคการเมืองระมัดระวังการเคลื่อนไหว และยึดถือคุณธรรมทางการเมือง อย่าทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมืองเพราะไม่คุ้มกัน หัวหน้าพรรคชาติไทยได้พยายามทำให้เกิดความปรองดอง ทุเลาความขัดแย้งลงแต่ก็ถูกต่อว่า ทั้งที่เป็นทางออกทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ ซึ่งพรรคอยากให้ปฏิรูปการเมืองโดยเน้นคุณธรรมความสามัคคี ให้แต่ละพรรคมาพิจารณาเร่งด่วนเรื่องนี้ ประเทศไทยกำลังขัดแย้งกันมาก พรรคการเมืองและประชาชนต้องฟังคิดและพิจารณาใช้วิจารณญาณ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของใคร" นายนิกรกล่าว

"นิกร"เชื่อไม่มีฝนตกห่าใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่าหัวหน้าพรรคไทยรักไทยประกาศไม่ลงพื้นที่หาเสียง จะทำให้พรรคชาติไทยได้เปรียบหรือไม่ นายนิกรกล่าวว่าการเลือกตั้งเหมือนการวิ่งแข่ง เป้าหมายเส้นชัยคือคะแนนนิยมจากประชาชน การวิ่งต้องไม่ไปปัดแข้งปัดขากัน หากมีนโยบายดีก็มาแข่งกัน นายกฯไม่ลงพื้นที่หาเสียงก็ไม่กระทบกับพรรคไม่ว่าด้านบวกหรือด้านลบ ซึ่งหัวหน้าพรรคชาติไทยเสนอแล้วว่าไม่ต้องการความรุนแรงหรือมีการใช้เงินใช้ทอง ช่วงนี้ก็ผ่านหน้าฝนแล้วก็ไม่น่าจะมีฝนตกห่าใหญ่ในการหาเสียงเลือกตั้งอีก

เมื่อถามถึงอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยขู่จะเตรียมคนเป็นแสนจากจ.อุดรธานี มาคุ้มกันความปลอดภัยนายกฯ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวว่ายิ่งคนมากยิ่งเกิดความขัดแย้งมาก ถึงมีรั้วสูงขนาดไหนก็ป้องกันตัวเองไม่ได้ ความสงบเท่านั้นป้องกันทุกอย่างได้ หากไปไหนแล้วมีคนตอบโต้กันในตัวผู้นำ อยากขอให้สื่อช่วยดูดเสียงบ้าง บางเรื่องไม่ควรนำเสนอ เนื่องจากภาพที่ออกไปคนทั่วประเทศได้ยิน สื่อต้องระวังเพราะจะขยายผลความขัดแย้งต่อเนื่องไปอีกมากมายและน่าเป็นห่วง

เมื่อถามว่าปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากตัวนายกฯ หากนายกฯเว้นวรรคจะช่วยลดความขัดแย้งลงได้หรือไม่ นายนิกรกล่าวว่าทุกเรื่องเป็นปัญหาหมด การเลือกตั้งไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งเท่านั้น แต่รากปัญหาคือความขัดแย้งเฉพาะตัว วันนี้เหมือนเราเอาฟืนมากองรวมกันแล้วจุดไฟเผา แต่หากเราดึงฟืนใครฟืนมันออกไปจะทำให้เย็นลง ไม่ใช่ยิ่งเอาฟืนมาสุมรวมกันเข้าไปอีก แต่ต้องใช้คุณธรรมมาช่วยกันแก้ปัญหา

"เสธหนั่น"คุยได้ผู้สมัครเกือบครบ

วันเดียวกัน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน เปิดเผยภายหลังการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2549 ว่าที่ประชุมพรรคได้เห็นชอบตั้งคณะกรรมการพรรคชุดใหม่ ซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี โดยพรรคมุ่งมั่นถ่ายโอนการบริหารพรรคไปสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อรองรับการทำงานของพรรคในอนาคตต่อจากรุ่นเก่า ดังนั้นจึงมีเด็กรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น ทำงานด้านการเมืองเข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรคจำนวน 2 คน ได้แก่ นายชินะ สุทธาธนโชติ จบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และนายพลายพล สรสุชาติ นักศึกษาชั้นปี 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บุตรชายของนายอรรคพล สรสุชาติ รองหัวหน้าพรรค นอกจากนั้นพรรคยังเหลือที่ว่างตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคอีก 10 ตำแหน่ง ซึ่งพร้อมที่จะเปิดโอกาสรองรับให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสมัครเป็นกรรมการบริหารพรรค เพื่อจรรโลงการเมืองให้เกิดขึ้นตามอุดมการณ์ของพรรคมหาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเลือกตั้งจะส่งผู้สมัครทั้งสองระบบครบหรือไม่ พล.ต.สนั่นกล่าวว่าต้องพิจารณาตัวผู้สมัครอีกครั้ง แต่ขณะนี้มีผู้สมัครในระบบเขตแล้วกว่า 300 เขต และระบบบัญชีรายชื่อเกือบครบทั้ง 100 รายชื่อแล้ว ยืนยันว่าแม้การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 15 ต.ค.นี้หรือไม่ พรรคมหาชนก็พร้อมส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง ซึ่งหากได้กกต.ชุดใหม่ครบทั้ง 5 คน พรรคจะมีข้อเสนอไปยังกกต.พิจารณาว่าจะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร เช่น เสนอให้ศาลจังหวัดเป็นผู้กำกับ เป็นผู้คัดเลือก และดูแลการทำงานของกกต.จังหวัด ทั้งนี้พรรคมหาชนหวังว่าการเลือกตั้งจะดำเนินการอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม


แย้ม"แม้ว"จะช่วยหาเสียงบ้าง


วันเดียวกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไม่สามารถลงพื้นที่ช่วยหาเสียงได้อย่างเต็มที่หวั่นเกิดอันตรายว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้เรียกประชุมอดีตส.ส. และแกนนำพรรคเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อจัดกองอำนวยการเลือกตั้ง ซึ่งในสัปดาห์หน้า ผู้ที่รับผิดชอบแต่ละส่วนจะมาประชุมเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ ในระหว่างที่พ.ต.ท.ทักษิณประสบปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัย แกนนำพรรคจะแบ่งพื้นที่กันรับผิดชอบ หากพ.ต.ท.ทักษิณมีโอกาสก็คงจะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในบางแห่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่สามารถลงพื้นที่สัมผัสกับประชาชนอย่างใกล้ชิด จะส่งผลกระทบกับฐานเสียงของพรรคในการเลือกตั้งหรือไม่ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า เมื่อพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล มีผลงานชัดเจนและนโยบายต่อเนื่อง ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้อดีตส.ส.แต่ละจังหวัดจัดตั้งแกนนำจังหวัดละ 3,000 คน เป็นผู้ไปชี้แจงให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ส่วนการระดมแกนนำในหมู่บ้าน จะทำให้ถูกมองว่าเป็นการเตรียมเรียกมาชุมนุมในกทม.หรือไม่นั้น เรื่องนี้ได้ชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า การจัดตั้งแกนนำในพื้นที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ครั้งนี้เราต้องการขยายผลเพื่อให้นำนโยบายพรรคไปชี้แจงให้เข้าถึงประชาชนในแต่ละหมู่บ้าน ไม่ใช่เป็นการเป่านกหวีดเรียกใครมาชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจของพ.ต.ท.ทักษิณ หลังจากประกาศจะงดกิจกรรมในการหาเสียง เพื่อป้องกันเหตุอันตราย ปรากฏว่าในเวลา 09.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้ออกจากบ้านพักในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 เพื่อเดินทางไปยังออกรอบตีกอล์ฟกับแกนนำพรรคไทยรักไทย อาทิ นายสุริยะ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม และนายประยุทธ มหากิจศิริ ที่สนามกอล์ฟอมตะสปริง คันทรี จ.ชลบุรี ท่ามกลางการอารักขาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

เผยว่าที่กกต.บางคนมีปัญหา

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่อาคารวุฒิสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ ความซื่อสัตย์สุจริต ของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยมีนายไสว พราหมณี รักษาการส.ว.นครราชสีมา ประธานอนุกรรมาธิการเป็นประธาน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ภายหลังการประชุม นายไสวเปิดเผยว่า

ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนที่มาจากเว็บไซต์และตู้ป.ณ.เป็นวันสุดท้าย ซึ่งที่ประชุมได้ติดใจเรื่องร้องเรียนว่าที่กกต.ที่เป็นผู้พิพากษาคนหนึ่ง โดยจดหมายร้องเรียนมีการระบุชื่อผู้ร้องชัดเจน เป็นเรื่องการทำหน้าที่สมัยเป็นผู้พิพากษา ที่ทำหน้าที่ในคดีเกี่ยวกับการพิพาทเรื่องที่ดิน ซึ่งเป็นคดีแพ่ง โดยอาจจะไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับจำเลย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ซึ่งทางอนุกรรมาธิการจะเชิญผู้ร้องเรียนมาให้ข้อเท็จจริงในวันที่ 28 ส.ค. นี้เวลา 10.30 น.

นายไสวกล่าวว่า สำหรับเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่มีเข้ามา ส่วนมากจะเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ อาทิ เป็นตุลาการองค์คณะ หรือเป็นตุลาการหัวหน้าองค์คณะ ที่มีส่วนร่วมในการพิพากษาที่อาจจะส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับคู่ความ จึงมีการร้องเรียนเข้ามา นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่คณะอนุกรรมาธิการติดใจ เกี่ยวกับการจ่ายภาษีก้าวกระโดด ที่จ่ายมากขึ้นใน 3 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งทางอนุกรรมาธิการได้ทำหนังสือขอข้อมูลเป็นเอกสารจากว่าที่กกต.คนดังกล่าวแล้ว เพราะทางสรรพากรจะไม่ยอมให้ข้อมูล ที่ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล คาดว่าจะได้รับข้อมูลทั้งหมดภายในวันที่ 28 ส.ค. หลังจากที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเรียบร้อย คาดว่าจะเสร็จสิ้นในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ก่อนจะส่งผลสอบให้กรรมาธิการชุดใหญ่พิจารณาต่อไป โดยกำหนดเวลาที่เหลือจะเชิญว่าที่กกต.ที่มีข้อกล่าวหา มาชี้แจงข้อเท็จจริงได้ในวันที่ 29 ส.ค.

เชื่อเลือกกกต.ไม่ทันปิดประชุม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนการทำหน้าที่ของอนุกรรมาธิการจะทำอย่างรวดเร็ว เหมือนกับจะรับลูกให้มีการเลือกกกต.ได้ก่อนการปิดสมัยประชุม เพื่อให้มีการเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค. นายไสวกล่าวว่า ยอมรับว่าทางอนุกรรมาธิการเร่งทำงานเพื่อให้สามารถเลือกกกต.ได้เร็วที่สุด แต่ไม่ได้รวดเร็วเกินไป เรานัดประชุมทุกวัน หากเทียบเป็นระยะเวลาปกติที่มีการประชุมสัปดาห์ละครั้ง ก็เท่ากับว่าเราประชุมกันมาแล้วกว่า 2 เดือน จึงเป็นเงื่อนเวลาที่เหมาะสม ส่วนจะเลือกว่าที่กกต.ได้เมื่อใดนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของอนุกรรมาธิการ แต่อยู่ที่คณะกรรมาธิการชุดใหญ่ดำเนินการ รวมทั้งอนุกรรมาธิการอีกชุดว่าพิจารณาเรียบร้อยแล้วหรือไม่

นายไสวกล่าวว่า หากไม่สามารถเลือกกกต.ได้ทันวันที่ 30 ส.ค. เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญจะมีขึ้นในวันที่ 31 ส.ค. ก็ต้องพิจารณาขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญอีกครั้ง หากทำไม่เสร็จก็ต้องขยายเวลา ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ต้องยอมรับว่ากฤษฎีกามีฐานะเป็นกฎหมาย ต้องปฏิบัติตาม และการจะขอพระราชทานกฤษฎีกาเปิดสภาอีกครั้งต้องพิจารณาหลายด้าน ทั้งความเหมาะสม หรือการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่

นายประเกียรติ นาสิมมา รักษาการส.ว.ร้อยเอ็ด อนุกรรมาธิการ กล่าวว่า ดูจากเงื่อนไขเวลาแล้วไม่น่าที่จะมีการเลือกกกต.ได้ภายในวันที่ 30 ส.ค. เพราะคณะอนุกรรมาธิการดำเนินการเสร็จในวันที่ 28 ส.ค. แล้วกรรมาธิการสอบประวัติชุดใหญ่ จะเรียกว่าที่กกต.มาชี้แจงในวันที่ 29 ส.ค. แม้ว่าจะเสร็จเรียบร้อยในวันเดียวกัน แต่ระเบียบการประชุมวุฒิสภา ก็กำหนดให้ต้องส่งวาระการประชุมให้สมาชิกได้รับทราบก่อน 3 วัน ดังนั้นจึงไม่น่าจะเลือกได้ทันในสมัยประชุมนี้


แฉอนุกมธ.ทำงานน่าสงสัย


รายงานข่าวจากวุฒิสภาแจ้งว่า การสอบสวนของอนุกรรมมาธิการบางกรณีสามารถสืบสวนได้ในเชิงลึก แต่ไม่ทำ ไม่ได้เรียกเอกสารจากผู้ที่ถูกกล่าวหา เพียงแต่โทรศัพท์ไปสอบถามผู้ถูกกล่าวหาโดยตรง จึงมีการตั้งข้อสังเกตกันว่าผิดขั้นตอนของการสอบสวนที่เคยทำกันมาหรือไม่ เพราะบางประเด็นที่ร้องเรียนได้ตัดทิ้งไป ทั้งที่ยังไม่ได้เรียกผู้กล่าวหามาชี้แจง แต่กลับเรียกคนที่กล่าวหามาชี้แจง สำหรับนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตส.ว.กทม. ถูกร้องเรียนว่าถูกสอบสวนเรื่องงบประมาณ ที่ใช้ในการสร้างสนามฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยเป็นอาจารย์ รวมทั้งกรณีการขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และจัดทำหนังสือต้านระบอบทักษิณ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า อนุกรรมาธิการจะหยิบยกทั้งสองประเด็นมาเป็นหลักในการพิจารณา โดยเฉพาะความเป็นกลางทางการเมืองด้วย ขณะที่นายนาม ยิ้มแย้ม ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นกกต.อีกคนหนึ่ง มีการร้องเรียนเรื่องการทำหน้าที่ประธานอนุกรรมการสอบสวนกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ สำหรับนายวิชา มหาคุณ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ได้ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง กับผู้ใหญ่ทางการเมืองรายหนึ่ง

"แก้วสรร"มั่นใจชี้แจงได้

ด้านนายแก้วสรรกล่าวว่า กรรมาธิการมีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน เมื่อมีคนร้องเรียนมาก็ต้องรับฟัง หากกรรมาธิการเรียกไปชี้แจงก็พร้อมไป และมั่นใจว่าจะชี้แจงได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรื่องร้องเรียนยังไม่ขอแสดงความคิดเห็น ขอไปชี้แจงก่อนหากพูดไปจะไม่เหมาะสมขอให้ใจเย็นๆ

ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ รักษาการส.ว.กทม. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า แม้ว่าอนุกรรมาธิการชุดของนายไสวจะดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จแล้ว ยังต้องรอชุดอนุกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องความเป็นกลางทางการเมืองที่มีนางนิพัทธา อมรรัตนเมธา รักษาการส.ว.ปทุมธานี เป็นประธานยังสรุปไม่แล้วเสร็จ ซึ่งขั้นตอนการสรุปผลยังต้องรอให้ว่าที่กกต.ที่ถูกกล่าวหามาชี้แจงในวันที่ 28-29 ส.ค.นี้ แม้อนุกรรมาธิการชุดของนายไสวจะสอบสวนเสร็จอย่างรวดเร็วก็ไม่เป็นผล หากคำนวณดูตามปฏิทินการทำงานแล้ว การเลือกกกต.คงจะทำไม่ทันภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้แน่นอน

ยันไม่มีใครบีบกมธ.ได้

ด้านนายสุนทร จินดาอินทร์ รักษาการส.ว.กำแพงเพชร ประธานคณะกรรมาธิการสอบประวัติ ว่าที่กกต. กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล รักษาการ ส.ว.ร้อยเอ็ด ประธานวิปวุฒิสภา ยืนยันความพร้อมที่จะเปิดประชุมสภา และออกมาแสดงความผิดหวังว่าคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติกกต.ล่าช้าว่า คณะกรรมาธิการไม่เคยทำงานล่าช้า

เพราะต้องทำงานอย่างดีและเร็วที่สุด ให้ได้คนที่เหมาะสมที่สุดเป็นกกต.ตามที่สังคมคาดหมาย เพื่อเข้ามาจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ใครจะว่าอย่างไรไม่สนใจ เพราะได้ทำตามกรอบที่วุฒิสภากำหนดให้ และไม่กังวลว่าใครจะมาบีบได้ ส่วนจะเสร็จก่อนวันที่ 30 ส.ค. หรือไม่คงไม่สามรถบอกได้ ขึ้นอยู่กับหลักฐานและข้อมูลทั้งหมด โดยคณะกรรมาธิการจะเชิญผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 10 คน มาชี้แจงในวันที่ 29 ส.ค.นี้ โดยเรียงลำดับตามที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอมา

นายสุนทรกล่าวว่า จะเปิดโอกาสให้คณะกรรมาธิการแต่ละคน ได้ซักถามทุกประเด็นที่ข้องใจ โดยจะซักถามอย่างให้เกียรติเพราะแต่ละคนเป็นข้าราชการระดับสูง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาครึ่งชั่วโมงต่อผู้มาชี้แจง 2 คน และคาดว่าภายใน 1 วันน่าเสร็จ โดยคณะกรรมาธิการได้ตัดประเด็นข้อร้องเรียน ที่ไม่ระบุที่มาที่ไป และเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยทิ้งเพื่อประหยัดเวลา


ย้ำเลือกกกต.ต้องรอบคอบ


ผู้สื่อข่าวถามว่ามี ส.ว.หลายคนโดยเฉพาะฝ่ายนิยมรัฐบาล อยากให้เลือกกกต.ในวันที่ 30 ส.ค. จะเป็นแรงกดดันให้คณะกรรมาธิการ ต้องเร่งรีบในการตรวจสอบประวัติหรือไม่ นายสุนทรกล่าวว่า พระราชกฤษฎีกาปิดประชุมไม่มีผลต่อการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ และไม่มีใครสามารถมาบีบได้ ไม่เสร็จก็คือไม่เสร็จ หากพิจารณาตามข้อเท็จจริงจะเห็นได้ว่าวันที่ 29 ส.ค. เรียกผู้ได้รับการเสนอชื่อมาชี้แจง จากนั้นวันที่ 30 ส.ค. คณะกรรมาธิการ จะต้องทำสรุปรายงานและต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการทุกคน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะส่งให้ประธานวุฒิสภา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะประชุมเลือกในวันที่ 30 ส.ค.เลย

"ขอขอบคุณวิปวุฒิสภาที่เตรียมโรงพิมพ์ไว้สำหรับพิมพ์รายงานให้ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้ เพราะทุกครั้งการตรวจสอบประวัติของคณะกรรมาธิการจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ประธานวิปวุฒิ ไม่ได้เข้ามาร่วมสอบด้วย เพราะเป็นการประชุมลับ หากได้เข้าประชุมด้วยจะรู้ดีว่า คณะกรรมาธิการทำงานอย่างไร เราทำงานรีบเร่งขนาดไหน เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบประวัติ 10 คน ภายใน 15-16 วัน" นายสุนทรกล่าว

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าการทำงานของอนุกรรมาธิการเหมือนแบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน โดยอีกฝ่ายหนึ่งพยายามเร่งพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว นายสุนทรกล่าวว่า ไม่มีใครจะมาดึงเรื่องให้เร็วขึ้นได้ เพราะจะต้องพิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ใครจะว่าอย่างไรก็ปล่อยให้คิดไป คณะกรรมาธิการก็ทำตามหน้าที่

ปธ.วิปวุฒิฯปฏิเสธรับใบสั่ง

นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล รักษาการ ส.ว.ร้อยเอ็ด ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา(วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า การเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติกกต.เร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อส่งให้วุฒิสภาเลือกให้ทันวันปิดสมัยประชุมรัฐสภาวันที่ 31 ส.ค.ไม่ได้ทำตามใบสั่งใคร แต่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง ถ้าการเลือกกกต.ล่าช้าไป ต้องทำเรื่องขอเปิดสมัยประชุมรัฐสภาใหม่ ถือเป็นเรื่องระคายเบื้องพระยุคลบาท

นายสุรชัยกล่าวว่า คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติไม่ควรมีอคติส่วนตัวกับใคร ควรนึกถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก จึงอยากให้พิจารณาข้อเสนอของตน ไปหารือร่วมกับเลขาธิการวุฒิสภา สรุปรายงานทั้งหมดที่ทำไปแล้วร้อยละ 90 ส่งพิมพ์ก่อน เหลือเพียงรายงานลับเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.ที่เหลือ ค่อยชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป เพราะถ้ารอให้ให้รวมเรื่องทั้งหมดค่อยลงมติจะยิ่งทำให้ล่าช้า ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติสามารถทำได้ทันอยู่แล้ว


อ้างหาเสียงผ่านวิดีโอกม.ไม่ห้าม


นายประวิง คชาชีวะ รองเลขาธิการกกต. ฝ่ายบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงแนวคิดที่หัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะลงพื้นที่หาเสียงเพียงบางพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ส่วนใหญ่จะใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า ส่วนตัวเห็นว่าการหาเสียงลักษณะนี้ไม่มีข้อกฎหมายใดห้าม มีเพียง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. มาตรา 49 (4) และ (5) ที่กำหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่พรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งต้องจัดให้ทุกพรรคการเมืองมีโอกาสเท่าเทียมกัน

นายประวิงกล่าวว่า พรรคการเมืองใดจะใช้วิธีการหาเสียงผ่านวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ จะต้องไม่เกินกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายส.ส.ตามที่กกต.กำหนด ซึ่งกกต.ต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมีผลบังคับใช้คือตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. จะเป็นความเห็นร่วมกันระหว่างกกต. และทุกพรรคการเมือง เพื่อกำหนดวงเงินค่าใช้จ่าย ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้กำหนดไว้ที่ 1.5 ล้านบาทต่อคน ด้วยระยะเวลาที่ไม่ห่างกันมาก กรอบค่าใช้จ่ายคงไม่แตกต่างกันมากนัก

ชี้ชัดเลือกตั้งใหม่รอช้าไม่ได้

นายสถาพร สันติบุตร รองเลขาธิการกกต. ด้านกิจการบริหารกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมการส่งมอบงานให้กับกกต.ใหม่ทั้ง 5 คนว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งสำนักงาน กกต. ได้รวบรวมงานแต่ละด้านไว้ว่า ทั้งปัญหาที่ต้องนำเสนอเร่งด่วน และงานเร่งด่วนทางข้อกฎหมาย เมื่อได้กกต.ชุดใหม่จะมอบงานให้ทันที โดยแต่ละด้านได้จัดลำดับความสำคัญของงานไว้แล้วว่า เรื่องใดเป็นงานเร่งด่วน ขณะนี้ได้ประสานงานไปยังวุฒิสภาว่า หากคัดเลือกกกต.ชุดใหม่เสร็จเมื่อใด จะขอประสานเป็นการภายในว่า จะขออธิบายสรุปงานต่างๆ ให้กับกกต.ทราบ แต่อยู่ที่กกต.ทั้ง 5 คนจะสะดวกรับฟังเลย หรือต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งก่อน เพราะขณะนี้งานเลือกตั้งเป็นงานเร่งด่วน ที่จะต้องรีบนำเสนอรอช้าไม่ได้

"ถึงแม้สำนักงาน กกต. จะไม่มีใครดูแลแล้ว แต่เราพร้อมทำงานร่วมกับ กกต.ชุดใหม่ จะไม่ทำให้เกิดข้อครหาว่าเราทิ้งงาน ไม่สนใจงาน เราทำงานของเราไปตามหน้าที่ เพื่อรองรับกกต.ชุดใหม่ จะได้ทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เราเตรียมกฎหมายและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้กับ กกต.ชุดใหม่ไปศึกษาทันที ที่ได้รับคัดเลือกจากวุฒิสภา" นายสถาพรกล่าว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์