ลุ้นส.ว.3กลุ่มโหวตร่างพรบ.กู้เงิน4แสนล้านบ.

คมชัดลึก :รัฐบาลระทึก! วุฒิเสียงแตก 3 กลุ่ม โหวตร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ” สมชาย ” แนะรัฐบาล ยอมให้แปรญัตติเพิ่มทำโครงการเมกกะโปรเจกต์ต้องให้รัฐบาลเห็นชอบ เพื่อแลกโหวต ขู่ หากวุฒิคว่ำ ส่งผลรัฐบาลลาออก-ยุบสภา เหตุ พรรคร่วมต่อรองผลประโยชน์ ยกมือไม่โหวต หากรัฐไม่ยอม


(8ส.ค.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของวุฒิสภา ว่า ความเห็นของ ส.ว.แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ 1 เห็นว่า จะคว่ำ ร่างพ.ร.บ.ฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มส.ว.ที่เคยคว่ำร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังกล่าวมาแล้วก่อนที่จะปิดสมัยประชุมครั้งที่แล้ว โดยกลุ่มดังกล่าวเห็นว่า รัฐบาลควรออกเป็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่า พ.ร.บ.หนี้สาธารณะได้กำหนดเพดานเงินกู้ได้ไม่เกิน 20% แต่ส.ว.เห็นว่า เรื่องนี้รัฐบาลก็เสนอแก้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังเห็นว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้งบประมาณมากและตรวจสอบได้ยาก ซึ่งหากเป็นพ.ร.บ.งบประมาณ จะสามารถตรวจสอบได้ง่าย แต่การใช้วิธีการแบบนี้เป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะใช้งบอย่างไรก็ได้
 
 แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.  กล่าวอีกว่า 2 .กลุ่มที่เห็นด้วย โดยเห็นว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และวุฒิสภาก็ผ่านร่างพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไปแล้ว ซึ่งเงินงบประมาณก็รวม 8 แสนล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลงบประมาณไปใช้ได้ตามที่ได้วางโครงการไว้ และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มเป็นกลาง ซึ่งกลุ่มนี้จะรอฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลก่อนที่จะตัดสินใจโหวต ดังนั้นเสียงในการลงมติขณะนี้ก็ยังกำกึ่งกัน โดยเสียงที่ลงมติที่ผ่านมาก็จะอยู่ราวๆ 120 เสียง จึงอยู่ในลักษณะ 40 -40- 40
 
 ส.ว.สรรหาผู้นี้กล่าวว่า ตนเห็นว่า รัฐบาลควรชี้แจงวุฒิสภาถึงการบริหารเงินที่สภาได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ว่า นำไปบริหารอย่างไร สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เงินเก่าที่นำไปใช้ไม่ได้ผลแต่กลับจะมาของบประมาณไปใช้อีก ที่สำคัญมีการป้องกันการทุจริตในการงบประมาณอย่างไร ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะโน้มน้าววุฒิสภาให้ผ่านร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ในส่วนตัวคิดว่า หากรัฐบาลยอมให้มีการแปรญัตติโดยจะแปรญัตติเพิ่มให้การทำโครงการขนาดใหญ่จะต้องนำมาเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ เหมือนกับรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งหากรัฐบาลยอมตนก็พร้อมที่จะรับหลักการ ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใส เพื่อการตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐบาลและเป็นหลักประกันว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและการควบคุมการบริหารของสภานิติบัญญัติ
 
 “เสียงของส.ว.ขณะนี้ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า จะรับหรือคว่ำร่างพ.ร.บง แม้แต่ กลุ่ม 40 ส.ว.เองก็คิดไม่เหมือนกัน การโหวตจึงเป็นเรื่องเอกเทศ และการโหวตจะมีลักษณะคล้ายๆกับการโหวตร่างพ.ร.ก.กู้เงินฯที่ผ่านมา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะชี้แจงกับส.ว.และตอบข้อซักถามอย่างไรเชื่อว่า วุฒิสภาจะพิจารณาโดยเหตุผล โดยรัฐบาลน่าจะนำตัวอย่างจากการพิจารณาร่างพ.ร.ก.กู้เงินที่ผ่านมา ที่นายกฯใช้เสน่ห์สาธารณะจูงใจให้ส.ว.ยกมือโหวต ” นายสมชาย
 
 เมื่อถามว่า หากวุฒิสภาคว่ำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะส่งผลต่อรัฐบาล อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า มีผลอย่างมาก ซึ่งต้องมองย้อนกลับไปถึงการที่วุฒิสภาคว่ำร่างพ.ร.ก.ภาษีสรรพามิตน้ำมัน ที่ทำให้รัฐบาลเสียเครดิต และหากวุฒิคว่ำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้อีกก็คงเหมือนเดิม โดยรัฐบาลก็จะนำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไปยืนยันในชั้นสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์มีเสียงไม่เกินครึ่ง ดังนั้นจำเป็นต้องพึ่งเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล อำนาจการต่อรองจึงตกอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาล หากต้องการจะเสนอโครงการใดก็ต่อรองเพื่อแลกกับเสียงโหวตไม่เช่นนั้นก็จะไม่โหวตให้ ที่สำคัญร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นพ.ร.บ.การเงินรัฐบาลต้องยืนยันใน 90 วัน หากไม่ผ่านรัฐบาลต้องลาออกหรือยุบสภา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่รัฐบาลต้องเจอหลายเรื่อง
 
 ด้านนายธวัช บวรวนิชยกูร ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เพราะไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนอะไร ทั้งที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้โดยการออกเป็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ได้ โดยเพิ่มเพดานเงินกู้ ซึ่งก็ไม่แตกต่างกับพ.ร.ก.กู้เงิน ที่ผ่านไปแล้ว ทั้งนี้วุฒิสภาหลายคนไม่แน่ใจว่า หากออกเป็นร่างพ.ร.บ.กู้เงินแล้ว รัฐบาลจะบริหารเงินงบประมาณได้อย่างโปร่งใสหรือไม่ และงบประมาณจะกระจายไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมกับชาวบ้าน หรือจะตกไปอยู่ในมือของนักการเมืองและ กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ของนักการเมืองที่เป็นพรรคพวกของตนเองเพื่อใช้เป็นเครื่องมือหาเสียง
 
 “เชื่อว่า รัฐบาลจะต้องล็อบบี้อย่างหนัก เพื่อให้วุฒิสภาโหวตร่างพ.ร.บ.กู้เงินฉบับนี้ โดยรัฐบาลจะต้องทำแบบที่เคยทำเมื่อครั้งมาล็อบบี้วุฒิสภาในการพิจารณาร่างพ.ร.ก.กู้เงิน ซึ้งครั้งนั้นรัฐมนตรีมาเกือบทั้งคณะ อย่างไรก็ตามเสียงโหวตจะผ่านหรือไม่ผ่านเสียงคงไม่เกินกัน 10 เสียง ” นายธวัช กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์