อภิสิทธิ์ย้ำศักยภาพไทยกำลังดีขึ้นในสายตาชาวโลก

คมชัดลึก : "นายกฯ"ย้ำชัดในวงสัมมนาผู้บริหาร ชี้ศักยภาพไทยกำลังดีขึ้นในสายตาชาวโลก ระบุช่วง 3 ปีที่ผ่านมาผลการเมืองทำให้กระทบเสถียรภาพประเทศอย่างรุนแรง แนะผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขด่วนก่แนที่ประเทศเผชิญกับความเสื่อมถอย

 (7ส.ค.) ที่สำนักงานกพ.นนทบุรี  เมื่อเวลา 16.30 น. ที่หอที่ห้องประชุมสุขุมนัย ประดิษฐ์ สำนักงาน ก.พ. นนทบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างปาฐกถาหัวข้อ “ ประเทศไทยไต่ระดับ ” ในการสัมมนาเชิงวิชาการโครงการวางระบบการพัฒนานักบริหารระดับสูง ผู้บริหารส่วนราชการ (นบส. 2 ) ตอนหนึ่งว่า มุมมองของตนประเทศไทยควรไต่ระดับนั้นไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งในวันนี้เลวร้ายไปหมด เพราะศักยภาพของประเทศและคนไทยยังเป็นที่ประทับใจของชาวโลก แม้จะมีวิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองประเทศเรามีสิ่งดีๆอยู่แน่นอน แต่หากตรวจสอบดีๆ แล้วเราได้ละเลยการบริหารจัดการ หรือเราได้กินทุนของเราไปเรื่อยๆ ดังนั้นเราต้องปรับปรุงอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นในภาวะที่โลกเสื่อมถอย แล้วเราเสื่อมถอยด้วย โดยเฉพาะจากปัญหาทางการเมืองในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา จะกระทบกับเสถียรภาพของประเทศไทยอย่างรุนแรง

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนตื่นตัวเป็นพิเศษซึ่งการไต่ระดับนั้น 1 .เราต้องส่งเสริมให้ให้คนของเราใฝ่รู้เพื่อจะเข้าใจปรากฎ การณ์ต่างๆของโลกได้เร็ว ต้องทำการบ้าน 2 .ทักษะในการค้นคว้าและวิเคราะห์ให้เป็น ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการไต่ระดับ และ 3 .เรายังยึดติดอยู่กับแนวปฏิบัติที่เคยทำกันมา ซึ่งตนและอีกหลายๆคนก็มีปัญหาตรงนี้ แต่ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ถ้าเราไม่พร้อมจะทบทวนสิ่งที่เคยทำเราจะลำบาก

 นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนต้องยกระดับหรือทำให้ประเทศไต่ระดับให้ได้ เช่นทุกปีจะต้องมีระบบการชดเชยภัยธรรมเหมือนเดิม ที่งบฯช่วยน้ำท่วมไปได้ในช่วงภัยแล้ง แต่งบฯช่วยภัยแล้งไปได้ในช่วงน้ำท่วมต่อไป หรือจะเปลี่ยนเป็นระบบประกันภัยธรรมชาติ หรือระบบการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร หรือปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเราได้ทำระเบียบเพื่อป้องกันไว้มากมาย แต่ก็ยิ่งทำให้มีช่องทางโกงมากขึ้นไปอีก

 “ บางระบบได้เปลี่ยนระบบเพื่อป้องกันการทุจริต แต่สุดท้ายเป็นการเปลี่ยนจากทุจริตแบบหนึ่งเป็นทุจริตอีกแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าเราไม่สามารถก้าวพ้นตรงนี้ไปได้ ก็จะเป็นการสร้างภาระไว้ตลอดเวลา ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 หลังการสัมมนามีการตั้งคำถามจากผู้เข้าร่วมประชุมว่าการเมืองจะมีผลกับการไต่ระดับของประเทศไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเมืองเป็นปัจจัยสำคัญและมีผลกระทบกับอนาคตของประเทศ โดยเฉพาะในระยะยาว และหลายประเทศจับตาดูอยู่ว่าตกลงประชาธิปไตยของไทยกำลังเติบโตหรือกำลังถดถอย ซึ่งมีตัวชี้วัดหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย โดยเฉพาะการไม่มีการเคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่สำคัญคือการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานที่เกิดขึ้นระหว่างประชาชนกับประชาชนเอง และเลวร้ายที่สุดคือการเกิดความรุนแรง หากปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรงไปมากกว่านี้สังคมโลกจะมองว่าเราถดถอยอย่างมาก เพราะในอดีตการเมืองเราแม้จะลุ่มๆดอนๆ ก็จะไม่รุนแรง แม้จะมีการปฏิวัติรัฐประหารมาหลายครั้งก็ไม่มีความรุนแรง แต่หากปล่อยให้มีการใช้วัฒนธรรมที่ว่าจะต้องใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเท่ากับเรากำลังถดถอยอย่างรุนแรง

 “ รวมทั้งการใช้ธรรมาภิบาลทางการเมือง ซึ่งไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะเอาเสียงข้างมากมาอยู่เหนือกฎหมาย หรือเอาเสียงข้างมากมาทำผิดกฎหมายก็ได้ หรือล้างความผิดให้ตัวเองก็ได้ ซึ่งไม่ต้องถึงระดับการเมือง แต่ระบบราชการ หากมีคนทำผิดแล้วมีการตั้งกรรมการสอบกันยังลำบาก เพราะไม่มีใครอยากเป็น เนื่องจากกลัวเสียเพื่อนเสียพวก ซึ่งทั่วโลกกำลังมองว่าประชาธิปไตยไทยเติบโตอย่างมีวุฒิภาวะหรือเติบโตเพียงแต่รูปแบบ ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

 เมื่อถามว่า ควรสนับสนุนให้คนดีมาบริหารประเทศ ด้วยการตั้งสภาวัฒนธรรมมารับรองคนดี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ามีสภารับรองคนดีไม่ช้าไม่นานก็จะมีคนไม่ได้เข้าไปกลายเป็นที่ฟอกคนไม่ดีแทน รัฐธรรมนูญ 40 เรามีองค์กรอิสระมากมาย ซึ่งทำงานไม่ช้าไม่นานก็กลายพันธุ์ หรือบางองค์กรถึงขนาดขึ้นเงินเดือนตัวเองจนโดนทั้งหมด หรือบางหน่วยงานก็มองว่ารักษาภาพดี แต่เป็นเพราะยังไม่มีอำนาจ หากเพิ่มอำนาจให้แล้วไม่ช้าไม่นานก็เป็นปัญหา ซึ่งเป็นสัจธรรมของค่านิยมในสังคม ถ้าทำตามข้อเสนอให้ตั้งสภาวัฒนธรรมขึ้นมารับรองความดี แต่ไม่นานก็คงต้องมีสภาฯใหม่ขึ้นมารับรองสภาฯวัฒนธรรม

 เมื่อถามต่อว่าอุตสาหกรรมอะไรกำลังเป็นดาวรุ่งและดาวร่วง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในอนาคตอาหารกับพลังงานยังเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะไปได้ดี รวมไปถึงกระแสเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อเศรษฐกิจเติบโตขึ้นจะพบความจริงว่าการสร้างมูลค่าให้สินค้าหรือบริหารก็สามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้น