คมชัดลึก :"มารค์" เรียก"ธานี -อัศวิน" คุยสาวคดีสนธิ ยันเคลียร์ลงตัวกับพัชรวาท ย้ำไม่มีปัญหาเรื่องให้พักผ่อน เตรียมรื้อโผแต่งตั้งโยกย้าย ระบุ มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่ "พัชรวาท" เก็บตัวอยู่บ้าน เตรียมไปจีน 5 สิงหา ด้านตำรวจแห่ให้กำลังใจเพียบ ด้าน"ชวน" ชี้นายกฯ ให้ ผบ.ตร.พักงานเป็นธรรมทุกฝ่ายแล้ว วอนแต่ละฝ่ายอย่ากดดันนายกฯ ส่วนเลขาฯ "ประวิตร" ยอมรับนายเครียดเรื่องน้องชาย ขณะที่ "ชัยสิทธิ" ยกนิ้วให้ "สนธิ" ระบุทรงอิทธิพล ใหญ่จริง ๆ เชื่อทุกคนพูดความจริงไม่ได้ เหตุเกรงใจกัน
เป็นประเด็นร้อนที่ไม่อาจละสายตาแม้แต่เพียงวินาทีเดียวสำหรับปัญหาความกดดันระหว่างนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิมทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้หาทางออกไม่ปลด ไม่ย้ายให้แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท ด้วยการให้ลาพักผ่อนหลังจากเดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีนเป็นเวลา 1 เดือน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง พล.ต.อ.พัชรวาท ออกมาให้สัมภาษณ์โดยไม่สนใจคำพูดของนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันอย่างหนักแน่น จะไม่ลาพักผ่อน ตามที่นายกฯเสนอ และจะทำงานในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเหมือนเดิม
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 สิงหาคมนายอภิสิทธิ์ เดินทางมายังสภาสตรีแห่งชาติ บ้านมนังคศิลา ถนนหลานหลวง เพื่อกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่องบาทบาทสตรีไทยในการพัฒนาประเทศในภาวะปัจจุบัน ภายหลังการปาฐกถาได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 11.45 น.พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผข.ผบ.ตร.) เดินทางมาพบนายกรัฐมนตรีทางด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกล่าวสั้น ๆ ว่า ”นายกฯเรียกให้มาพบ" ขณะเดียวกันในเวลาไล่เลี่ยกันก่อนหน้านี้ไม่นานนัก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ได้มารอพบนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้าเช่นกัน
จากนั้นเมื่อเวลา 13.15 น.นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เที่สถานีโทรทัศน์แห่งชาติช่อง 11 ว่า เรื่องที่ พล.อ.ธานี และ พล.ต.ท.อัศวิน มาพบในวันนี้ไม่ได้พูดเรื่องการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติราชการแทนผบ.ตร. แต่ได้เชิญมาคุยในเรื่องเกี่ยวกับอุปสรรคคดี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คุยกับผบ.ตร.แล้วและแก้ไขปัญหาไป จึงเชิญสองคนนี้มาคุยว่ามีปัญหาอุปสรรคเพิ่มเติมหรือไม่ โดย พล.ต.อ.ธานี และ พล.ต.ท.อัศวิน บอกว่า ไม่มีอะไร สามารถจะเดินหน้าต่อได้ เพราะค่อนข้างมั่นใจ
"ผมบอกไปว่า หากเป็นเเบบนั้นก็ขอให้ตั้งใจเดินหน้าทำงานเพราะปัญหาที่สังคมวิจารณ์ก็หมุนอยู่รอบเรื่องนี้ ฉะนั้นสังคมมีความคาดหวังก็ขอให้เดินหน้าทำงานให้ดีที่สุด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ย้ำคุยกับผบ.ตร.แล้วเข้าใจดี
เมื่อถามว่า ผบ.ตร.บอกว่าในช่วงที่พบนายกฯเมื่อวานนี้( 31 ก.ค.) ไม่เคยขอลาราชการยาว นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีไม่ตรงกัน อย่าไปทำให้เป็นปัญหา เรื่องนี้ได้คุยกับ ผบ.ตร.ก็เข้าใจกันดีแล้วรู้ว่า จะต้องทำกันอย่างไร ไปหยิบเอามุมนั้นมุมนี้ นิด ๆ หน่อย ๆ ว่าคำพูดไม่ตรงกัน มันไม่มี เพราะเข้าใจตรงกันทุกอย่าง เมื่อถามว่า ได้คุยกับผบ.ตร.อีกหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ช่วงเย็นวันที่ 31 ก.ค.ก็คุยกันอยู่ไม่มีอะไร สองคนที่มาพบตน ตนก็บอกไปว่าผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ตรงกันทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ผบ.ตร.บอกว่า วันที่ 3 สิงหาจะกลับมาทำงานต่อ นายกฯกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ ผมบอกว่าสัปดาห์หน้า ผมบอกวันจันทร์หรือครับ ผมไม่ได้บอกว่าวันจันทร์นี่ครับ ผมแค่บอกว่าสัปดาห์หน้า อย่าไปพยายามทำให้มีปัญหาสิครับพูดกันรู้เรื่องแล้วไม่มีปัญหาอะไรเลยทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ แค่อาจมีบางคนไม่อยากให้เรียบร้อยเท่านั้น ”
ยันเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายมีสิทธิ
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร.กังวลเรื่องบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย นายอภิสิทธิ กล่าวว่า มันมีอย่างนี้คือ ตรงนี้มีเพียงแต่ว่า มีแนวคิดที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และได้คุยกับผบ.ตร.เกี่ยวกับปัญหาที่อาจสร้างความไม่มั่นใจให้เกิดขึ้นบ้าง แต่ทั้งนี้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย โดยได้สอบถามนายสุเทพแล้วก็บอกว่าไม่มีปัญหา และในทางกฎหมายจะดูแลให้เรียบร้อย
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะฟ้องนายกฯเรื่องแทรกแซงการทำงานของตำรวจ นายกฯกล่าวว่า ไม่ได้ทำในสิ่งผิดรัฐธรรมนูณและผิดกฎหมาย ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯระบุว่านายกฯไม่กล้าตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งในเรื่องผบ.ตร. นั้น ยืนยันว่า ตนมีหน้าที่ทำให้คดีเดินหน้า เรื่องอื่นเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินไม่มีปัญหาอะไร ส่วนในเรื่องคดีไม่มีปัญหาเพราะคนทำงานบอกว่าเดินได้เพราะเพิ่งคุยกันไป ฉะนั้นทุกคนต้องรอดูคนเหล่านี้ทำงานต่อไป
ยันไม่มีประเด็นตั้งใครแทนผบ.ตร.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร.ไม่อยู่ 10 วันจะทำอย่างไร นายกฯกล่าวว่า ไม่ได้นับวันเพียงแค่ประมาณเท่านั้นไม่มีปัญหาอะไรเลยนะ ผบ.ตร.จะรายงานมา เข้าใจว่าผบ.ตร.ไปจีนที่จะไปดูเรื่องเวลาและส่งรายงานให้ดู เมื่อถามว่าช่วงที่ผบ.ตร.ไม่อยู่ใครจะรักษาราชการแทน นายกฯกล่าวว่า เวลานี้ไม่มีประเด็นที่จะพูดเรื่องนี้
"อยากให้สังคมตั้งหลักเรื่องนี้ทั้งหมดมีความวิตกกังวลว่า คดีลอบสังหารนายสนธิเดินไม่ได้เนื่องจากมีอุปสรรคปัญหา แต่ตอนนี้ได้คุยกับทุกฝ่ายแล้วและสามารถเดินได้แล้ว ฉะนั้นทุกคนควรจะปล่อยให้คนที่มีหฟน้าที่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่าพยายามสร้างประเด็นขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นปัญหาความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น บ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้า ยังมีปัญหาอีกเยอะแยะที่สังคมควรให้ความสำคัญในตอนนี้เช่นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่ามาเสียเวลาเรื่องแบบนี้เลยเพราะมันเป็นเรื่องของการเมืองไปแล้ว" นายอภิสิทธิ กล่าว
ยันคุยกับทุกคนไม่มีปัญหาทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า จะทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่าไม่มีปัญหาอะไร คนทำงานทุกคนได้คุยด้วยหมด ตั้งแต่นายสุเทพ ,รมว.กลาโหม, ผบ.ทบ.และผบ.ตร.ใครต่อใครที่ทำงานด้านความมั่นคงคุยหมด ไม่มีปัญหาอะไรเลย ก่อนที่จะมาถึงเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ก็คุยมาหมดแล้ว
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพยายามโยงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายมาเกี่ยวข้อง นายกฯกล่าวว่า ” ก็อย่าไปพูดสิและอย่าไปพยายามสิครับเรื่องมันเรียบร้อยแล้ว มันอาจมีคนเสียประโยชน์บางเรื่องและพยายามสร้างข่าวอยู่แต่ไม่เป็นไร มันเป็นธรรมดา ”
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่านักการเมืองแทรกแซงการจัดบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจและจะแต่งตั้งใครมาปฏิบัติราชการแทนบ.ตร. แต่นายกฯไม่ตอบคำถามนี้ก่อนจะเดินออกไปทันที
ธานีเผยคุยกับนายกฯเรื่องคดี
ด้าน พล.ต.อ.ธานี พกล่าวว่า มาคุยกับนายกฯเรื่องคดี เมื่อถามว่าในช่วงที่ผบ.ตร.ไม่อยู่การสอบสวนคดีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯจะคืบหน้าหรือไม่ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า เดินหน้าไปได้ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯจะมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่แทนผบ.ตร.ในช่วงนี้หรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า เปล่า ไม่ได้คุยเรื่องนี้
ขณะที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณี ผบ.ตร. ลาราชการไปต่างประเทศ 10 วัน คดีนี้จะเสร็จหรือไม่ว่า ต้องรวบรวมหลักฐานว่าจะไปได้แค่ไหน แต่นายกฯบอกว่า ทำได้หรือไม่ ซึ่งได้บอกนายกฯไปว่า รอรวบรวมหลักฐาน ส่วนแนวโน้มในการรวบรวมหลักฐานของคดีนี้ ตำรวจกำลังทำให้ชัดเจน ทั้งนี้เคยเรียนให้ทราบแล้วว่า พยายามทำอยู่และไม่ถึงทางตัน มันมีทางเดินไปได้ ขอเวลาหน่อย
อัศวินย้ำใครอยู่ไปทำงานได้ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ผบ.ตร.ไม่อยู่ในช่วงนี้จะทำงานได้ดีหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า อยู่หรือไม่อยู่ก็ทำงานอยู่แล้ว ส่วนจะออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้เมื่อใดนั้น คงบอกไม่ได้มันอยู่ที่พยานหลักฐาน อีกทั้งต้องไปขออนุมัติหมายจับจากศาล และต้องรอศาลอนุมัติ นอกจากนี้ยังต้องดูว่าพยานหลักฐานพอที่ศาลจะอนุมัติหมายจับหรือไม่
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามน้ำว่า ใครจะทำหน้าที่แทนผบ.ตร. พล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า ไม่ทราบ ไปถามนายกฯดีกว่า ส่วนในเรื่องการทำงานอย่างไรก็ได้ ใครจะอยู่หรือไป ทำได้ทั้งนั้น ซึ่งตลอดเวลานายกฯ ถามเพียงว่า จะเดินหน้าได้ไหม จึงได้บอกไปว่า ได้ ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเปลี่ยนแปลงในส่วนอื่นๆด้วยหรือไม่ หลังจากผบ.ตร.ประกาศว่า จะไม่ลาราชการนั้น คงต้องไปถามนายกฯ
"พัชรวาท"อยู่ที่บ้านตำรวจแห่ให้กำลังใจ
ด้านบรรยากาศความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.พัชรวาท ภายหลังให้สัมภาษณ์ไม่คิดจะลาพักร้อนหรือลาไปต่างประเทศตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุก่อนหน้านี้นั้น มีรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ยังคงพักผ่อนอยู่ที่บ้านพัก โดยมีนายตำรวจจำนวนมากเดินทางเข้าพบ เพื่อให้กำลังใจ นอกจากนี้จากการสอบถามคนใกล้ชิดยังได้รับการยืนยันว่า พล.ต.อ.พัชรวาท จะยังคงเดินทางมาทำงานตามปกติในวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม นี้ ส่วนกำหนดการที่จะเดินทางไปราชการต่างประเทศนั้น กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดการไว้ว่า จะเดินทางไปประเทศจีน ในวันพุธที่ 5 สิงหาคม นี้ โดยมีกำหนดการ 10 วัน
ต่อมาเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.บรรจบ สุดใจ ประธานชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ 41 ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านสื่อมวลชน เรื่องขอให้ทบทวนการย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื้อหาโดยสรุปว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีคิดทบทวนเรื่องนี้เสียใหม่อย่างรอบคอบ เพราะตำแหน่ง ผบ.ตร.จะแลกกับคดีของนายสนธิหรือคดีใดคดีหนึ่งคงไม่ได้ อย่าลืมว่าตำรวจไม่ใช่มีแต่ ผบ.ตร.เพียงคนเดียว ยังมีตำรวจอีกกว่าสองแสนคน ย่อมมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจในการทำงานเป็นอย่างยิ่ง
"ชวน"ยันทำถูกต้องเป็นธรรมทุกฝ่าย
วันเดียวกันนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวให้ความคิดเห็นในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ลาพักผ่อนเพื่อแก้ไขปัญหาการเจออุปสรรคในการสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิว่า นายกรัฐมนตรีตัดสินใจพักงาน พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นการตัดสินใจตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริงที่ได้รับ และพยายามให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในคดีลอบสังหารนายสนธิ อย่างดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้แล้ว ส่วนที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นการแทงกั๊กหรือไม่นั้น คงไม่ใช่ เพราะการตัดสินใจที่เกิดขึ้น เป็นการตัดสินใจตามหลักการของเหตุ และผลภายใต้กรอบกฎหมายเท่าที่จะสามารถกระทำได้ โดยไม่ได้หวาดกลัวกระแสกดดันของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ส่งผลทำให้เสียหลักการไปมากกว่า ทั้งนี้อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้โอกาสนายกรัฐมนตรีทำงาน และพิจารณาเรื่องต่างๆ ด้วยเหตุและผลมากกว่า พยายามกดดันให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดในขณะนี้
มั่นใจไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยองและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ส่วนตัวเห็นว่าการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหานี้เป็นการกล้าหาญที่ยึดถือเอาหลักกฎหมาย ความถูกต้องเป็นหลัก เป็นธรรมที่เอาเป้าหมายเป็นที่ตั้งคือ ทำอย่างไรที่จะนำตัวคนยิงนายสนธิมาดำเนินคดีให้ได้ตามที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดีรายงานว่า ติดขัดอย่างไร
เมื่อถามว่า จะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลตามมาหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เคยระบุว่า จะลาออกจากตำแหน่ง หากปลด ย้ายหรือให้พล.อ.พัชรวาทลาพักร้อนออกจากตำหน่ง ผบ.ตร. นายสาธิต กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดนี้ และนายกฯก็ได้กำชับ พล.อ.ประวิตรถึงการให้สัมภาษณ์ และผลกระทบต่างๆในการแสดงออกในภาพรวมของรัฐบาลเพราะท่านเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นการแสดงใด ๆ ออกไปต้องคำนึงถึงหลายส่วน
ส่วนการจะลาออกจากตำแหน่งของพล.อ.ประวิตรหรือไม่นั้น ทุกคนก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพล.อ.ประวิตรเพียงคนเดียว แต่รัฐบาลนี้ยึดหลักกฎหมายโดยไม่โน้มเอียง แทรกแซงใดๆ ต้องยึดความถูกต้อง ทั้งนี้ในส่วนของนายสุเทพ คาดว่า คงไม่มีปัญหาต่อการตัดสินใจของนายกฯ เพราะถือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและเป็นทั้งหัวหน้าพรรค นายสุเทพคงไม่ตัดสินใจลาออกตามกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้แน่นอน
ด้าน นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการสำนักงานข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ.ยืนยันว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจ หลังนายกฯตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอุปสรรคในการคลี่คลายคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีตนเป็นประธานนั้น เพราะถือเป็นการทำตามหน้าที่ ขณะที่นายกฯเก็ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาว่าจะให้แล้วเสร็จเมื่อใด โดยในวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคมนี้จะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อคัดเลือกกรรมการ พร้อมกับหารือถึงแนวทางในการสืบสวน
เลขาฯประวิตรยอมรับนายเครียด
พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม กล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า ยังไม่ทราบถ้อยคำทั้งหมดที่นายกฯพูด เพียงแต่ได้รับทราบจากสื่อเท่านั้น หากพูดไปเกรงว่า จะถูกนำไปขยายความ ทำให้เกิดความผิดพลาดในการสื่อสาร ส่วน พล.อ.ประวิตร จะรู้สึกอย่างไรนั้น ไม่ทราบเพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร มีความเครียด หลังมีกระแสข่าวปลด ผบ.ตร. ขณะที่ส่วนตัวก็ขอปล่อยวางเรื่องนี้ด้วยการเดินทางไปเที่ยวทะเลกับบรรดาเพื่อนนักเรียนสวนกุหลาบ โดยยืนยันว่าไม่มีทหารเดินทางไปเที่ยวในครั้งนี้ด้วย
"ชัยสิทธิ์"ยกนิ้ว"สนธิ"ใหญ่จริง
ขณะที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พรางทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ให้พล.ต.อ.พัชรวาท ลาไปปฏิบัติภารกิจในในต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการเจออุปสรรคในการสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิว่า ขณะนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ทุกอย่างเริ่มเปิดเผย ทั้งนี้เชื่อว่า ทุกคนพูดความจริงไม่ได้ เพราะเกรงใจคนนั้นคนนี้ ดังนั้นความจริงไม่ปรากฏให้ประชาชนได้เห็น ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดี เมืองไทยแปลกตรงที่พูดความจริงไม่ได้ ซึ่งจากที่ดูแล้วเหมือนโดนครอบงำกันอยู่ เรืองที่เกิดขึ้นเห็นใจหลายฝ่าย ส่วนความจริงของคดีนี้เป็นอย่างไร ไม่ทราบ เพราะไม่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ และคนที่ทำหน้าที่สืบสวนยังไม่ทราบ
เมื่อถามว่า มองบทบาทนายสนธิ อย่างไร เพราะขนาดรัฐบาลยังต้องเกรงใจ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่รู้ แต่ดูเขายังเป็นทรงอิทธิพลคนหนึ่ง เพราะกล้าพูด กล้าวิจารณ์รัฐบาลตรงๆ ซึ่งคงแน่จริง มิเช่นนั้นคงไม่กล้า เพราะไม่เห็นจะเกรงใจรัฐบาล ถือว่า ใหญ่จริงๆ ยกนิ้วให้
นอกจากนี้ พล.อ.ชัยสิทธิยังตอบข้อถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ นายสนธิ พยายามโยงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่เบื้องหลังคดีนี้ว่า เป็นไปไม่ได้ พูดไปเรื่อย ขอให้พูดมาให้ชัดจะได้ฟ้องร้องกันได้ พูดอย่างนี้ใครก็พูดได้ ถือเป็นการกล่าวหากัน ทั้งนี้จะไปกล่าวหาได้อย่างไร จะมีเหตุผลอะไรมาฆ่านายสนธิ ไม่มีเหตุผลอะไร และทีมงานทีสังหาร นายสนธิบอกว่า เป็นทหาร แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งทหารได้ที่ไหน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ น่าจะจบลงได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้