มาร์คย้ำ-ศุกร์นี้รู้เรื่อง ตร.สับสนใครทำโผย้าย เริ่มวิ่งหาแก๊ง"4สหาย"
ถกครม. - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฟังการชี้แจงของนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ระหว่างประชุมครม.เศรษฐกิจ ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 ก.ค. |
เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 29 ก.ค. ที่ศูนย์วัฒนธรรม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เดินทางไปพัทยาเพื่อไปดูเหตุการณ์ที่พัทยา แต่ตนได้คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเรียบร้อยแล้ว และมันมีแนวทางจะต้องทำ เพื่อให้คนที่ทำคดีมีความมั่นใจว่าสามารถเดินต่อได้ และเมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้คุยกับพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร.แล้ว "ผมคิดว่าไม่น่าจะเกินวันศุกร์ที่ 31 ก.ค.นี้ ทุกอย่างจะชัดเจน"
ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวทางอะไรที่จะทำได้บ้างหลังการพูดคุย นายกฯ กล่าวว่า วันศุกร์จะเรียนให้ทราบ ทั้งหมดตนได้ประมวลจากปัญหาอุป สรรคโดยพูดคุยกับคนที่ทำงานว่าสิ่งที่เขามีปัญหา ไม่มั่นใจมีอะไรตรงไหน และได้พูดคุยกับนาย สุเทพแล้ว ก็เห็นตรงกันและก็จะดำเนินการ เรื่องนี้ไม่มีการกดดันทางการเมืองอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่าแสดงว่าขณะนี้แนวทางตรงกับนายสุเทพที่ระบุว่าผบ.ตร.ไม่เป็นอุปสรรค นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่ใช่ครับ อันนั้นคือ ก่อนที่ท่านจะทำรายงานมาถึงผม" เมื่อถามว่าเมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายสุเทพ ยังยืนยันว่าผบ.ตร.ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำคดีนายสนธิ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ ได้คุยกันแล้ว เมื่อถามว่านายกฯ เห็นว่าผบ.ตร.เป็นอุปสรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันศุกร์จะเรียนให้ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมต้องรอถึงวันศุกร์ เป็นเพราะต้องการรอให้การโยกย้ายเสร็จก่อนถึงจะตัดสินใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการโยกย้าย เมื่อถามถึงการโยกย้ายตำรวจที่ทางผบ.ตร. กำลังทำอยู่ นายกฯ กล่าวว่า "ไม่มีครับ ผมระงับทั้งหมดแล้ว" เมื่อถามย้ำว่าที่บอกว่าเห็นตรงกันหมายความตามที่นายสุเทพ ระบุใช่หรือไม่ว่าจะไม่มีการปลด ผบ.ตร. นายอภิสิทธิ์ กล่าว ว่า "รอวันศุกร์ครับ"
เวลา 08.00 น. ที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) นายสุเทพให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปตรวจราชการที่จ.ปัตตานี ถึงกรณีคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับคดีการสลายการชุมนุมวันที่ 7 ต.ค. 2551 ว่า คดีนี้จะมีผลต่อเก้าอี้ผบ.ตร.หรือไม่ ต้องแยกแยะกัน ป.ป.ช. จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเรื่องผิดวินัยร้ายแรง เป็นเรื่องของป.ป.ช.เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้วผู้ถูกแจ้งต้องมาแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นกระบวนการของป.ป.ช.ที่จะต้องพิจารณาไปจนกระทั่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เมื่อถึงวันนี้ผู้บังคับบัญชาจึงจะได้มีการพิจารณา ตราบใดที่ป.ป.ช.ยังไม่ชี้มูลความผิดก็ไม่สามารถที่จะเอามาเป็นประเด็นในการพิจารณาได้
เมื่อถามว่าการชี้มูลของป.ป.ช.เพิ่มเติมจะมีน้ำหนักเพียงพอให้มีการปลดผบ.ตร.ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การทำงานจะทำตามกระแสไม่ได้ ต้องทำตามความเป็นจริง ตามข้อเท็จจริง เมื่อมีกระแสให้ปลดผบ.ตร. ต้องถามว่าผบ.ตร. ทำผิดอะไร มีหลักฐานอะไรที่แสดงให้เห็นว่าผบ.ตร.ทำความผิดถึงขั้นต้องปลด โยกย้ายหรือไม่อย่างไร ต้องมาดูกัน หรือผบ.ตร.มีปัญหาเรื่องการทำงาน ซึ่งเท่าที่ตนได้รวบรวมหลักฐานเอกสารรายงานจากทุกฝ่าย ก็ยังไม่พบว่าผบ.ตร. ทำอะไรผิดพลาด หรือทำอะไรผิดกฎหมาย ฉะนั้นใครจะมากดดันให้ตนพูดเรื่องนี้ ตนก็พูดไม่ได้ และได้รายงานข้อเท็จจริงให้นายกฯ ทราบ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น นายกฯ ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้คุยกับนายกฯ เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ได้รายงานเพียงแค่ตัวหนังสือ ได้ส่งเอกสารรายงานและหลักฐานจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ถ่ายสำเนา กราบเรียนนายกฯ หมดแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาพูดคุยกันมาก นายกฯ รับไปเป็นข้อมูล ตนได้พูดคุยกับนายกฯ แล้ว ระหว่างนั่งรถไปร่วมงานเลี้ยงรับรองนักธุรกิจจีน ที่พัทยา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีแก๊ง 4 สหาย ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ. 2 นาย พล.ต.อ.นอกราช การ 1 นาย และบุคคลที่มีอิทธิพลในการสร้างมวลชน กดดันนายกฯ ให้ปลดผบ.ตร.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ สื่อไปเขียนกันเอง ตนไม่เคยได้ยิน ไม่รู้ว่าสื่อไปเอา 4 สหายที่ไหนมาเขียน ตนยังไม่ทราบเลยว่า 4 สหายคือใคร ตนไม่รู้จักแก๊งนี้ เพิ่งจะเคยได้ยิน ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครด้วยซ้ำ รู้จักแต่นาย ก. นาย ข. นาย ค. ที่สื่อเขียน แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดความสับสนในหมู่ข้า ราชการตำรวจ เนื่องจากมีกระแสกดดันพล.ต.อ. พัชรวาทเพื่อให้ออกจากตำแหน่งหรือเพื่อมิให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ประกอบกับนายกฯ มีท่าทีจะให้ชะลอการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายเอาไว้ก่อน โดยขณะนี้เป็นช่วงโยกย้ายระดับพ.ต.อ. ลงไปเพื่อรองรับโครงสร้างตำรวจใหม่ จึงทำให้ตำรวจที่อยู่ในข่ายจะได้รับแต่งตั้งพากันงุนงง ประกอบกับมีกระแสข่าวสะพัดว่า กลุ่ม 4 สหาย อันประกอบด้วย 2 พล.ต.อ.ในราชการ 1 พล.ต.อ.นอกราชการ และผู้มีอิทธิพลด้านการเคลื่อนไหวมวลชน ซึ่งอยู่เบื้องหลังการผลักดันนายกฯ ให้ปลดผบ.ตร.นั้น ได้กลายเป็นกลุ่มที่จะมีบทบาทสำคัญในการเข้ามาทำบัญชีโยกย้ายแทนผบ.ตร. ถึงกับมีข่าวว่ากลุ่ม 4 สหาย ได้เริ่มลงมือจัดทำบัญชีแต่งตั้งรองผบก.ลงไปกันแล้ว
ข่าวแจ้งว่า ทั้งความสับสนว่าจะมีการทำโผโยกย้ายหรือไม่ รวมทั้งสับสนว่าใครกันแน่เป็นผู้ทำโผ ระหว่างผบ.ตร.กับกลุ่มพล.ต.อ.ในและนอกราชการดังกล่าว บรรดาข้าราชการตำรวจจึงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักว่า การโยกย้ายจะยึดถือโผไหน และควรจะวิ่งเต้นเข้าหาใคร ขณะเดียวกัน เริ่มมีตำรวจบางส่วนเข้าขอการสนับสนุนเพื่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งใหม่จากกลุ่ม 4 สหายดังกล่าวบ้างแล้ว
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีพล.ต.อ. พัชรวาทว่า ต้องถามนายกฯ และนายสุเทพ แต่อยากเรียนว่าพล.ต.อ.พัชรวาทผิดอะไร เมื่อถามว่าป.ป.ช.ชี้มูลว่าพล.ต.อ.พัชรวาท ผิดวินัยร้ายแรงกรณีการสลายม็อบ 7 ต.ค. 2551 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องว่าไปตามกฎหมาย คือต้องถามว่าเขาผิดอะไร คนที่ถูกกล่าวหาต้องไปแก้ข้อกล่าวหา เมื่อถามว่ากรณีที่พาดพิงถึงท่านจะฟ้องร้องทางกฎหมายหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็ดูอยู่ หากพาดพิงถึงผม ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย"
เมื่อถามว่าเป็นการกลั่นแกล้งผบ.ตร. เพื่อพาดพิงให้ถึงตัวท่านหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้และไม่ทราบ อย่านำไปโยง ตนพูดแล้วว่ามาทำงานการเมือง ไม่ได้สังกัดพรรค ซึ่งตนไม่ได้ยึดติดอะไรทั้งสิ้น ตนทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน ตนไม่เคยคิดเป็นนักการเมือง จึงไม่คิดว่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ เมื่อถามว่ากองทัพและรัฐบาลยังมีความสัมพันธ์อันดีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไร ความสัมพันธ์ยังดี กองทัพเป็นกลไกรัฐ บาล ไม่มีปัญหา สั่งอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น การ ที่กองทัพเป็นปึกแผ่นไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากลัวของรัฐบาล เป็นสิ่งที่ดี และประชาชนอาจชอบว่ากองทัพมีความเข้มแข็ง
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกองทัพได้ประสานงานกับตำรวจเพื่อส่งตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาในคดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯว่า ขณะนี้ผู้บังคับบัญชายังหาตัวจ.ส.อ.ปัญญาไม่เจอ แต่ตำรวจได้ขอตัวมายังกองทัพแล้ว ซึ่งได้แจ้งหน่วยต้นสังกัดติดตามตัวอยู่ ขณะนี้ผู้บังคับบัญชา เพื่อนและญาติเขา พยายามติดตามตัวอยู่เพื่อช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ในทางกฎหมายเมื่อเขาถูกออกหมายจับ เขาย่อมถูกจับได้อยู่แล้ว หากหลบหนีก็ต้องโดนจับ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้จ.ส.อ.ปัญญา ถูกปลดออกจากราชการแล้ว แม้ถูกปลดไปแล้ว หากกองทัพรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนจะแจ้งให้ตำรวจทราบ เมื่อถามว่าพล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผบ. นสศ. ได้รายงานถึงความเป็นไปได้ หรือเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ไปยิงนายสนธิอย่างไร พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า "คิดว่าเขาคงทราบ"
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่กองทัพบกตกเป็นเป้า และมีกำลังพลของกองทัพบกถูกออกหมายจับเพิ่มเติม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าใครในประเทศนี้ถ้าทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย กองทัพพร้อมให้ความร่วมมือ ไม่ว่าไปถึงใคร ชั้นยศใด ถ้ามีหมายก็จัดการให้ หากเราทราบตัวและเราควบคุมตัวไว้ได้ ก็ควบ คุมตัวไว้ให้ ส่วนที่มองว่ามีการพุ่งเป้าไปที่กอง ทัพบกเป็นหลักนั้น ในความคิดตนต้องว่าไปตามหลักฐาน ทุกอย่างดำเนินการได้ไม่ว่าถึงใคร หน่วยราชการใด บ้านเมืองต้องเดินไปอย่างนั้น
เมื่อถามว่าจะเร่งหาตัวจ.ส.อ.ปัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฆ่าตัดตอนหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้จ.ส.อ.ปัญญา ไม่ได้เป็นข้าราชการทหารแล้ว เพราะถูกปลดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้กองทัพทำได้ คือพยายามให้เพื่อนเขาที่รู้บอกว่าเขาอยู่ที่ใด เราจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
เมื่อถามว่ามีข้อมูลพุ่งเป้ามาที่พล.อ.ประวิตร และอาจรวมถึงท่านว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า "ท่านต้องระวังคำพูด ท่านค่อนข้างจะก้าวล่วงไปถึงสิทธิส่วนบุคคล ขอให้เป็นเรื่องของตำรวจ ท่านกล่าวว่าเขาพุ่งเป้า ท่าน นั่นแหละพุ่งเป้า ผมขอเตือนท่านว่าท่านกำลังกล่าวหาคนอื่น ถ้าข้อความนี้หลุดไป ถ้าพิจารณา ว่าท่านรับผิดชอบ ท่านก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้กล่าวหาทั้งสิ้น ตอนนี้ท่านกล่าวหาอยู่"
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักเลขานุการตำรวจ มีบันทึกข้อความ ที่ 0001.31 /3077 ลงวันที่ 27 ก.ค. เรื่องแจ้งเลื่อนประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่ 4/2552 ส่งถึงจเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วยผบ.ตร. หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าผู้บัญชาการ หรือเทียบเท่า รองผบช. ผบก.ประจำสำนักงานผบ.ตร. และผบก.ในสังกัดสำนักงานผบ.ตร. โดย หนังสือระบุว่า ตามที่พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กำหนดประชุมบริหาร ครั้งที่ 4/2552 ในวันที่ 31 ก.ค. ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 2 นั้น เนื่องจากผบ.ตร.มีภารกิจสำคัญ จึงเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไปก่อน
ขณะที่พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวถึงกระแสข่าวย้ายผบ.ตร.ว่า ไม่มีอะไร ตนไม่ได้เป็นคนสั่ง ตนไม่ได้ทำอะไรผิด
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบช. น. ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาข้อหาผิดวินัยร้ายแรง และความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. จากกรณีการสลายการชุมนุม กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่บริเวณรัฐสภา จนมี ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยพล.ต.ต. จักรทิพย์ใช้เวลารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จึงเดินทางกลับ
พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวว่า มารับทราบข้อ กล่าวหาจากป.ป.ช.พร้อมนำหลักฐานมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ตามที่ป.ป.ช.ระบุว่า ตนอยู่ในที่เกิดเหตุในวันสลายการชุมนุม ซึ่งแปลกใจที่ถูกป.ป.ช.ตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว เพราะแม้ตนจะอยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมแน่นอน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหนักใจที่ถูกตั้งข้อหาครั้งนี้ แต่พร้อมนำพยานหลักฐานต่างๆ มาชี้แจงเพื่อต่อสู้คดี และยืนยันความบริสุทธิ์ ซึ่งป.ป.ช.ก็ให้ความเป็นธรรมแก่ตนดี จึงมั่นใจว่าถ้าสู้กันตามข้อเท็จจริงก็ไม่น่าจะมีความผิด
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการสลายม็อบพันธมิตรฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าการแจ้งข้อหาผิดวินัยร้ายแรง และความผิดทางอาญาแก่พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นการพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่มีเหตุให้ต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ไม่ใช่ใบสั่งทางการเมือง และไม่มีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า เพราะ ป.ป.ช.ไม่เล่นการเมืองอยู่แล้ว
นายวิชัย กล่าวว่า ตนเป็นผู้พิพากษามา 30 กว่าปี ไม่คิดจะนำชื่อเสียงมาทิ้ง หลังจากนี้พล.ต.อ.พัชรวาท พล.ต.ต.จักรทิพย์ และพล.ต.ต. วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผบช.น. ต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาจากป.ป.ช.ภายในวันที่ 3 ส.ค.นี้ จากนั้นจะมีเวลา 15 วัน ในการนำพยานหลักฐานมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และมีสิทธิ์ที่จะอ้างพยานเพิ่มเติมได้ ซึ่งป.ป.ช.จะพิจารณาว่า หากเป็นพยานสำคัญก็จะเรียกมาให้การ เชื่อว่าคดีคงยืดเยื้อออกไปไม่นาน โดยคาดว่ากลางเดือนส.ค.นี้ จะสรุปสำนวนคดีให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ลงมติชี้มูลได้
นายวิชัย กล่าวว่า ส่วนที่พล.ต.ต.จักรทิพย์อ้างว่าไม่ใช่ผู้สั่งการสลายการชุมนุม และยังช่วยปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ด้วยนั้น ก็เป็นสิ่งที่ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ต้องหาพยานหลักฐานมายืนยันคำพูด ซึ่งวันที่ 30 ก.ค.นี้ เวลา 15.00 น. พล.ต.ต.จักรทิพย์ จะนำหลักฐานต่างๆ มาชี้แจงต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติมอีกครั้ง
เวลา 18.50 น. ที่ขส.ทบ. นายสุเทพให้สัม ภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงกรณีพล.อ.ประวิตร ระบุพล.ต.อ.พัชรวาทมีความผิดอะไรถึงจะต้องมาปลดออกจากตำแหน่งว่า คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีอะไร แต่ในรายละเอียดตนยังไม่ทราบเพราะ เดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อลงพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ตั้งแต่เช้ามืด และไม่ได้ติดตามข่าว จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับพล.อ.ประ วิตรถึงเรื่องนี้
เมื่อถามว่าการจะปลดผบ.ตร.อาจสร้างความไม่พอใจให้กับทหาร นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ขออนุญาตไม่ออกความเห็น แต่ตนภาวนาให้ทุกอย่างเรียบร้อย ต่อข้อถามว่าได้พูดคุยกับนายกฯ ถึงเรื่องนี้หรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า ตนได้รายงานให้นายกฯ ทราบตามข้อมูล เอก สารและหลักฐานที่ได้รับมา โดยได้ยืนยันตามเอกสาร ไม่มีอะไรเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ป.ป.ช.มีการแจ้งข้อ หาเพิ่มผบ.ตร. จะมีผลต่อตำแหน่งหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะนำมารวมกัน เพราะถือเป็นคนละประเด็น อีกทั้งเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นของการตั้งข้อหา หากจะเป็นประเด็นต้องหลังจากป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เมื่อถามว่าจำเป็นต้องให้ผบ.ตร.หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตอนนี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนพูดเรื่องนี้ไปมากแล้ว เมื่อถามว่าจะใช้มาตรฐานของพรรคประชาธิ ปัตย์เป็นเครื่องชี้วัดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช้ แต่เราจะใช้มาตรฐานการปฏิบัติราชการเป็นเครื่องชี้วัด
เวลา 19.30 น. ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ถนนวิทยุ นายอภิสิทธิ์ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "Top Issues For Business in Thailand" ในการเป็นประธานพิธีประกาศผลและมอบรางวัลพระราชทาน THAILAND CORPORATE EX CELLENCE AWARD 2008 จัดโดยสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนหนึ่งว่า แน่นอนว่าคนเป็นนักการเมือง ถ้าไม่มีสมาธิกับปัญหา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจหรือการเมืองก็อาจเขวไปได้เหมือนกัน "ฟังจากคำถามที่ถามผมทั้งวันของวันนี้ ดูเหมือน ทั้งโลกจะอยู่กับตำแหน่ง คือตำแหน่งผบ.ตร. มันเป็นเรื่องตลก วันนี้ปัญหามันต้องอยู่ที่เรื่องสังคมที่บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกี่ยวกับเรื่องตำแหน่ง ส่วนเรื่องผบ.ตร.นั้นจะรู้กันเร็วๆ นี้"
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด