คมชัดลึก : แล้วกระแสการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ต้องยุติลง เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า จะไม่มีการปลด ผบ.ตร.และจะชี้แจงเรื่องทั้งหมดในวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคมนี้
คำยืนยันจากนายกฯ อาจไม่ใช่ข้อยุติเรื่องอย่างถาวร แต่จากนี้ไปอีก 60 วันเศษก่อนเกษียณอายุราชการจะเป็นเวลาที่ พล.ต.อ.พัชรวาท
ต้องเดินฝ่าขวากหนามที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคดีลอบยิง "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตร และปราการด่านสำคัญคือ การไต่สวนคดีเจ้าหน้าที่ใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551ตามรายงานข่าวบอกว่า พล.ต.อ.พัชรวาท โดนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มในมาตรา 157 และสอบสวนวินัยขั้นร้ายแรง ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะสรุปชี้มูลความผิดภายในเดือนสิงหาคมนี้
และหาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าผิด นั่นก็หมายความว่าช่องทางของรัฐบาลในการปลดหรือย้าย พล.ต.อ.พัชรวาทก็มีความชอบธรรม
เป็นการยืมดาบที่ดูจะนิ่มนวลที่สุด เนื่องด้วยสถานะของ ผบ.ตร.เป็นน้องชายแท้ๆ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พี่ใหญ่ของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่ก่อนหน้านี้ออกมาแสดงความไม่สบายใจหากมีการเด้ง พล.ต.อ.พัชรวาท ออกจากตำแหน่ง
กระแสข่าวการปลด ผบ.ตร.ที่ออกมาเป็นระยะ หลังจากคดีลอบยิงนายสนธิ
คืบหน้าด้วยการขอหมายจับ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าวกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ได้เข้ารายงานความคืบหน้าโดยตรงต่อนายกฯ ว่า "เจอตอ" ขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน หนึ่งในนั้นตามรายงานข่าวมีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท ด้วยการสั่งโยกย้ายนายตำรวจบางคน ที่เข้ามาเจาะระบบการสื่อสารของกลุ่มคนร้าย จนทราบความเคลื่อนไหวทั้งหมด ผบ.ตร.จึงถูกตั้งข้อสงสัยตามมา