กรุงเทพธุรกิจ
24 สิงหาคม 2549 18:00 น.
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : "ประสงค์"ระบุ"ทักษิณ"สคริปคาร์บอมม์แย่แค่จัดฉากหวังกลบกระแสเพลี่ยงพล้ำ ชี้ระแวงหนัก แม้แต่คนใกล้ชิด เชื่อกุแผนลอบสังหาร เตรียมประกาศมาตราการตอบโต้กลุ่มต้านขั้นเด็ดขาด เตือนเผชิญหน้าทหารในกองทัพ
น.ต.ประสงค์สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคง กล่าวถึงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดรถบรรทุกระเบิดทีเอ็นที ที่บริเวณถนนสิรินธร เชิงสะพานกรุงธน(ซังฮี้) ห่างจากบ้านพักนายกรัฐมนตรีประมาณ 400 เมตรพร้อมจับกุม ร.ท.ธวัชชัยกลิ่นธนะ อดีตคนขับรถพล.อ.พัลลภปิ่นมณี รองผอ.กองรักษาความมั่นคงภายในว่าถือเป็นการการจัดฉากที่แย่ เพราะจากการตรวจสอบพยานและพฤติกรรมแวดล้ม พบข้อพิรุธหลายประการ ทั้งในเรื่องอุปกรณ์ระเบิดที่ยังไม่พร้อมที่จะใช้งาน โดยเฉพาะประวัตินายทหารซึ่งถูกจับตัวเป็นเพียงทหารฝ่ายธุรการ จึงไม่มีความรู้เรื่องระเบิด และที่น่าสงสัยอีกประการหลังการจับกุมแล้วมีการแจ้งต้นสังกัดหรือไม่ และทำไมถึงคำสั่งปลด พล.อ.พัลลภทันทีโดยไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบ ฯซึ่งถือว่าขัดระเบียบทางราชการ อีกทั้งพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร ก็ถือเป็นประธานกอ.รมน.โดยตำแหน่งอยู่แล้วจึงอาจนำมาซึ่งความเสียหายทางภาพลักษณ์ขององค์กร
"จุดมุ่งหมายการจัดฉากในวันนี้ ก็เพื่อต้องการสร้างข่าวให้สอดคล้องกับกระแสข่าวที่คนในพรรคทรท. ออกมาปล่อยข่าวเรื่องแผนลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาประกอบเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณถูกสังคมรุมประฌามในเรื่องที่ปล่อยให้กลุ่มสนับสนุนทำร้ายกลุ่มต่อต้าน ทั้งที่สยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ จึงจำเป็นต้องสร้างสถานการณ์ หวังกลบกระแสข่าวที่ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ"น.ต.ประสงค์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางเอเอสทีวี
น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณระแวงไปหมดทุกเรื่องเพราะแม้แต่พล.อ.พัลลภซึ่งก็เคยทำงานรับใช้รัฐบาลมามากมายหลายเรื่อง แต่กลับถูกนำไปเชื่อมใยงกับพล.ต.จำลองศรีเมืองและพล.มนูญกฤตรูปขจร นายทหารเพื่อนร่วมรุ่น จปร. 7 เพราะทั้งพล.ต.จำลองและพล.ต.มนูญกฤตขณะนี้ไปยืนอยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพ.ต.ท.ทักษิณเพียงเท่านั้น
น.ต.ประสงค์ยังกล่าวเตือนว่าการสั่งปลด พล.อ.พัลลภและมีความพยายามกระทบชิ่งไปถึงฝ่ายตรงข้าม ทั้งในเรื่องการโยกย้ายในกองทัพ อาจเกิดการเผชิญหน้ากับกองทัพโดยตรงได้
น.ต.ประสงค์กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมือง ถึงขั้นแตกหัก เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเคยประกาศจะเช็กบิลกลุ่มต่อต้านฯ หลังเลือกตั้ง แต่เมื่อสถานการณ์การต่อต้านบานปลาย จึงต้องหาวิธีที่ขุดรากถอนโคน ซึ่งไม่แน่ว่าการจัดฉากในวันนี้อาจนำไปสู่การประกาศมาตรการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือว่าอันตราย และคงต้องจับตาดูกันต่อไป