ป.ป.ช.ถกปมมาร์ครับงาช้าง

      เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีพรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องร้องเรียนต่อป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ และนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เนื่องจากกระทำผิดมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีนายอภิสิทธิ์ รับมอบงาช้าง 1 คู่จากนายโสภณ มูลค่าเกิน 3,000 บาทนั้น วันเดียวกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.หยิบยกขึ้นมาหารือว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาหรือไม่ และขัดต่อกฎหมายป.ป.ช.หรือไม่

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.เผยว่า ที่ประชุมให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่า การรับงาช้างดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำผิดตามประกาศของป.ป.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดได้โดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2543 หรือไม่ แล้วให้นำกลับมารายงานให้ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ทราบโดยเร็ว อย่างไรก็ตามการรับงาช้างดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าความผิดสำเร็จแล้ว เพราะต้องดูว่าการรับทรัพย์สินดังกล่าวเข้าข่ายข้อยกเว้นตามวรรค 2 ข้อ 7 ของประกาศป.ป.ช.ดังกล่าวหรือไม่ด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ประกาศของคณะกรรมการป.ป.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดได้โดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2543 ข้อ 7 ระบุว่าการรับทรัพย์สินที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ที่เจ้าหน้าที่รัฐได้รับทรัพย์สินมาแล้ว โดยมีความจำเป็นต้องรับไว้เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ให้เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นแจ้งรายละเอียด ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับทรัพย์สินให้ผู้บังคับบัญชา ผู้บริหารสูงสุด หรือองค์กรต้นสังกัดโดยทันทีที่สามารถกระทำได้ เพื่อให้วินิจฉัยว่ามีความจำเป็นที่ต้องรับทรัพย์สินนั้นไว้หรือไม่ ในกรณีผู้บังคับบัญชาหรือองค์กรต้นสังกัดเห็นว่าไม่ควรรับทรัพย์สินไว้ ให้คืนทรัพย์สินนั้นแก่ผู้ให้ทันที แต่ในกรณีที่ไม่สามารถคืนให้ได้ ให้เจ้าหน้าที่รัฐส่งมอบทรัพย์สินให้เป็นสิทธิของหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นสังกัดอยู่โดยเร็ว เมื่อได้ดำเนินการตามนี้ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้น ไม่เคยได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวเลย

นายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติกรรมสัญญา กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นเรื่องต่อป.ป.ช. ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ กรณีรับงาช้างจากนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ว่า หากได้รับแล้วนำไปเก็บในส่วนราชการ เช่น ที่ทำเนียบรัฐบาลจะไม่มีปัญหา แต่หากนำไปเก็บในบ้าน เป็นสมบัติส่วนตัวถึงผิดกฎหมาย ส่วนประเด็นที่น่าเป็นห่วงคืองาช้างที่นายโสภณนำมาให้นั้นนำมาจากไหน หากเป็นช้างเลี้ยงก็ไม่เป็นอะไร แต่หากนำมาทางอื่นอาจผิดกฎหมายได้

นายวัฒนา เวทยประสิทธิ ผอ.กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาไซเตส กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์กรณีงาช้างของนายโสภณ ว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานใดให้เข้าไปตรวจสอบ ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้เพราะยังไม่เห็นงาช้างดังกล่าว ซึ่งตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ผู้ที่มีซากสัตว์ป่าทุกชนิดจะต้องแจ้งครอบครองไว้ที่กรมอุทยานฯ เพื่อขอใบอนุญาตครอบครอง หากมีการตรวจสอบจะได้แสดงให้เจ้าหน้าที่ดู ผู้สื่อข่าวถามว่านายโสภณระบุงาช้างที่มีอยู่เป็นงาช้างที่เป็นมรดกตกทอดมานานแล้ว และไม่เคยแจ้งการครอบครอง นายวัฒนากล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายละเอียด จึงพูดอะไรไม่ได้ ต้องรอให้ส่งเรื่องมาก่อน ตามหลักการขั้นตอนแล้วต้องไปตรวจสอบดูหลักฐานที่มาที่ไปกันอีกครั้งหนึ่ง