ย้อยรอยคุกลับซีไอเอ จากรบ.ทักษิณถึงอภิสิทธิ์

ภายหลังสำนักข่าวหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ นำเสนอประเด็นข่าว "คุกลับของสหรัฐ" ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย

ส่งผลให้เกิดประเด็นกลบกระแสสังคมโลก ที่กำลังให้การสนใจประเด็นการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ซึ่งมีประเทศคู่เจรจาอีกหลายชาติเข้าร่วม โดยเฉพาะ "พี่เบิ้ม" อย่างสหรัฐที่ส่งนางฮิลลิารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางมาร่วมประชุมที่ประเทศไทยใน จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 21-23 กรกฎาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ย้อนไปเมื่อปี 2548 น.ส.พ.วอชิงตันโพสต์ เคยนำเสนอข่าวว่าประเทศไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศที่สหรัฐใช้เป็นที่ตั้ง "คุกลับ" หรือที่เรียกว่า Black Site มาแล้วในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้ใหญ่ในรัฐบาลและผู้ใหญ่ในกองทัพต่างออกมาปฏิเสธว่า "ไม่มีคุกลับ" ในไทย

โดยข้อมูลเสนอตรงกันว่าสถานที่ ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง ซึ่งอยู่ห่างจาก จ.อุดรธานี ประมาณ 11 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่กองทัพสหรัฐ เคยใช้เป็นที่ทำการ "ตั้งฐานทัพในไทย" เพื่อต่อต้านการรุกรานของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่กำลังยึดครองประเทศเพื่อนบ้านของไทยใน "ยุคสงครามเย็น"

ทั้งนี้ หลังยุคสงครามแย่งชิงมวลชนระหว่าง "ลัทธิคอมมิวนิสต์" กับ "ลัทธิประชาธิปไตย" สงบลง

โดยสมัยที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ก็มีการทำสัญญาเช่าพื้นที่ระหว่างไทยกับสหรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย เพื่อจัดตั้งสถานีวิทยุเสียงอเมริกาในระยะแรก หรือ สถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศประจำประเทศไทย และในเวลาต่อสถานีวิทยุดังกล่าวก็อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมประชาสัมพันธ์ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยมีการสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ เพื่อใช้เป็นที่ทำการของสถานีวิทยุสำหรับเครื่องส่ง 8 เครื่องมีกำลังส่งถึง 500 กิโลวัตต์ ซึ่งต้องอาศัยเสาและสายสัญญาณเพื่อการสื่อสารต่างๆ คงไม่สามารถผ่านสายตาของชาวบ้านดุง อ.บ้านดุง รวมทั้งชาว จ.อุดรธานี ที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นอย่างแน่นอน

พื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานทัพของสหรัฐเก่า ดังนั้น จึงทำให้มีความพร้อมในการนำเครื่องบินขึ้นลงได้สะดวก

ด้วยเหตุนี้ ทำให้สถานที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลับห้ามคนภายนอกเข้าออก และเมื่อมีกระแสข่าว "คุกลับในไทย" ทำให้พื้นที่ดังกล่าวถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นสถานที่ "จองจำ ควบคุม และเปลี่ยนถ่าย" นักโทษก่อการร้ายของสหรัฐจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศซึ่งเป็นผู้รับช่วงต่อในการดูแลพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่า สถานที่ดังกล่าาวไม่ใช่คุกลับ เพื่อเก็บตัว หรือจองจำนักโทษก่อการร้าย แต่เป็นสถานที่ใช้ในการสื่อสารของสหรัฐยุคสงครามเย็น และเมื่อสิ้นสุดสงครามก็ยังคงมีการใช้มาต่อเนื่องจนสิ้นสุดสัญญา

กรณีที่ทางการไทยสามารถจับกุมนายฮัมบาลี แกนนำกลุ่มเจมาอิสลามิยาห์ หรือเจไอ ได้ที่ประเทศไทย ทำให้ไทยตกเป็นที่ต้องสงสัยถึงความเป็น "พาร์ตเนอร์" ของสหรัฐในการดำเนินการกับกลุ่มก่อการร้ายสากล

ซึ่งนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ที่รายงานข่าวสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยแกนนำระดับสูงของกลุ่มอัลเคด้าไปกักกันในคุกลับ 8 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วยว่า "ประเทศไทยไม่ทราบในเรื่องนี้ เพราะเราไม่มีสถานกักกันลับหรือมีคุกลับ ที่ผ่านมาเราจับกุมผู้ก่อการร้ายคือนายฮัมบาลี แกนนำคนสำคัญกระบวนการก่อการร้ายได้เพียงคนเดียว และได้ส่งตัวให้กับทางการสหรัฐแล้ว"

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใด น.ส.พ.ยักษ์ใหญ่ของมะกัน จึงออกมาเปิดเผยข่าวและภาพของสถานที่ที่เป็น "ความลับชั้นสุดยอด" ของสหรัฐในเวลานี้ ซึ่งเป็นช่วงอาฟเตอร์ช็อคเหตุระเบิด 2 โรงแรมดังของอินโดนีเซีย

และทันทีที่เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวออกไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ออกมาปฏิเสธเช่นกันว่า "เป็นเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2544-2545 ส่วนที่มาเกิดใหม่ในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐมาเยือนไทยนั้น เข้าใจว่าเป็นการตั้งคำถามถึงรัฐบาลใหม่ของสหรัฐ และนางฮิลลารีที่เดินทางมาในภูมิภาคนี้"

เช่นเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็ปฏิเสธด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวว่า "ได้พยายามตรวจสอบมาหลายครั้งแล้วตามที่เป็นข่าว แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องจริงที่จะมีคุกลับในประเทศไทย ได้สั่งกระทรวงการต่างประเทศให้เร่งชี้แจง เพราะเป็นความเสียหายของประเทศ"

ดังนั้น เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบต้องชี้แจงให้สังคมกระจ่าง โดยเฉพาะการเปิดเผยข้อมูลและหลักฐานที่สำคัญ คือ สถานที่ที่ถูกตั้งข้อสงสัยทั้งหมด อาทิ สนามบินทหาร จ.อุดรธานี นครพนม นครราชสีมา อู่ตะเภา และสนามบินตาคลี จ.นครสวรรค์ เพื่อความกระจ่างของคนไทย

และเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของสื่อต่างชาติหรือรัฐบาลชาติใดชาติหนึ่งอย่างเด็ดขาด......


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์